Property

ซีคอนฯ นำเทรนด์ศูนย์การค้าสีเขียว ใช้พลังงานสะอาด 20% เดินหน้าสู่เป้าหมายความยั่งยืน

ปัจจุบัน ศูนย์การค้าต้องปรับตัวให้สอดรับกับกระแสความยั่งยืนและการใช้พลังงานสะอาด เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ในขณะเดียวกัน การแข่งขันที่เข้มข้นและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วก็มีความสำคัญเช่นกัน ศูนย์การค้าจึงจำเป็นต้องสร้างความแตกต่างและมอบประสบการณ์ใหม่ที่มากกว่าการช้อปปิ้ง

SEACON SHOPPING CENTERS จึงเดินหน้าพลิกโฉมศูนย์การค้าครั้งใหญ่ ด้วยแผนพัฒนา 5 ปี ที่ไม่เพียงเสริมศักยภาพให้ศูนย์การค้าก้าวสู่อนาคตอย่างแข็งแกร่ง แต่ยังให้ความสำคัญกับพลังงานสะอาดและความยั่งยืน โดยล่าสุดได้เปิดตัว MyScape” พื้นที่แห่งใหม่ของซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ พร้อมเดินหน้ายกระดับซีคอน บางแค ให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ และสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างจากศูนย์การค้าอื่น ๆ ในรูปแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ตะติยะ ซอโสตถิกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีคอน ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าปัจจุบันศูนย์การค้าต้องเป็นมากกว่าสถานที่ช้อปปิ้ง ต้องเป็นพื้นที่ที่มอบประสบการณ์ สร้างแรงบันดาลใจ และสะท้อนตัวตนของผู้บริโภค ด้วยแนวคิดดังกล่าว บริษัทฯ จึงกำหนดแผนพัฒนาครอบคลุมระยะ 5 ปี เพื่อยกระดับสู่ศูนย์การค้าชั้นนำที่ทันสมัยและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของทุกเจเนอเรชัน ภายใต้งบประมาณ 5,000 ล้านบาท มุ่งพัฒนาโครงการสำคัญคู่ไปกับการใช้พลังงานสะอาดและแนวทางที่ยั่งยืน เพื่อสร้างประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งเน้นไปที่ ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ ที่มีการยกระดับโครงสร้างและปรับโฉมพื้นที่ใหม่ เปิดตัว “MyScape” โซนพิเศษที่ผสมผสานไลฟ์สไตล์และความคิดสร้างสรรค์ เพื่อตอบสนองต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ และยกระดับ ซีคอน บางแค ให้เป็นศูนย์รวมของแบรนด์ชั้นนำและไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ สร้างประสบการณ์ที่แตกต่างและเพิ่มมูลค่าให้กับพื้นที่ศูนย์ฯ

ดร.พรต ซอโสตถิกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีคอน ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในฐานะที่ซีคอนสแควร์เป็นหนึ่งในศูนย์การค้าที่ใช้พลังงานสะอาดมากที่สุดในประเทศไทย เราจึงเดินหน้าโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ผ่านโครงการโซลาร์รูฟท็อปที่ดำเนินการมาแล้วกว่า 4 ปี ซึ่งสามารถผลิตไฟฟ้าได้ถึง 6 เมกะวัตต์ ทำให้สามารถประหยัดค่าไฟฟ้าได้ถึง 40 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้กว่า 15,000 ตัน ซึ่งเทียบเท่ากับการอนุรักษ์ต้นไม้กว่า 1.7 ล้านต้น ปัจจุบัน ซีคอนสามารถผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ได้ถึง 30,000 หน่วยต่อวัน และในปีหน้ามีแผนติดตั้งเพิ่มอีก 1.4 เมกะวัตต์ ทำให้สามารถใช้พลังงานสะอาดได้ถึง 20% ของพลังงานทั้งหมดที่ใช้ในศูนย์การค้า พร้อมขยายโครงการไปยังซีคอน บางแค ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีเช่นกัน

นอกจากนี้ ซีคอนยังให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการขยะ ผ่านโครงการ “ไม่เทรวม” ที่ร่วมมือกับกรุงเทพมหานครและผู้ว่าชัชชาติ สิทธิพันธุ์ โดยสามารถลดปริมาณขยะได้อย่างมหาศาล จากเดิมที่ซีคอนสแควร์มีขยะวันละ 18 ตัน ปัจจุบันลดลงเหลือเพียง 5 ตัน คิดเป็นยอดลดลงกว่า 70% ส่วนที่ซีคอน บางแค ขยะลดลงจากวันละ 10 ตัน เหลือเพียง 3 ตัน นอกจากนี้ ขยะอาหารที่ถูกแยกออกยังถูกนำไปบริจาคให้บ่อปลา โดยซีคอนสแควร์บริจาควันละประมาณ 1.2 ตัน และซีคอน บางแค บริจาควันละ 1 ตัน อีกทั้งยังมีโครงการScholars of Sustenance Foundation (SOS) ที่นำอาหารที่รับประทานได้ไปบริจาคให้กับผู้ที่ขาดแคลน

ดร.พรต กล่าวอีกว่า ปัจจุบันเรามีโครงการการจัดตั้งจุดทิ้งกระดาษทิชชู่ ซึ่งสามารถรวบรวมได้วันละ 700-800 กิโลกรัม และนำไปตากแห้งเพื่อชั่งกิโลขายได้ รวมถึงการแยกขยะประเภทขวดพลาสติกและหลอด ซึ่งปัจจุบันโครงการเหล่านี้ได้ถูกนำไปใช้ในทุกศูนย์การค้าของซีคอนแล้ว

สุรชัย เจริญพงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีคอน   ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ซีคอนสแควร์กำลังพัฒนา 5 โครงการสำคัญ เพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า และตอกย้ำศักยภาพของศูนย์การค้าให้เป็นจุดหมายที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ บนพื้นที่รวมกว่า 100,000 ตารางเมตร โครงการแรกคือ MunMun Srinakarin (มันมัน ศรีนครินทร์) ซึ่งพลิกโฉมพื้นที่กว่า 27,000 ตารางเมตร ให้กลายเป็นศูนย์การค้าด้านศิลปะและงานคราฟต์แห่งแรกของไทย มุ่งสู่การเป็น Art Destination นอกจากนี้ ยังมีการปรับโฉมพื้นที่ฝั่ง Lotus’s ตั้งแต่ชั้นที่ 1 – 4 รวมกว่า 40,000 ตารางเมตร พัฒนาให้เป็นโซนไลฟ์สไตล์ครบวงจร ประกอบด้วยร้านอาหารแบรนด์ดังที่มีเอกลักษณ์ โซนการศึกษา โซนกีฬาที่ตอบรับเทรนด์สุขภาพ และโซนเอ็นเตอร์เทนเมนต์ พร้อมทั้งปรับปรุงศูนย์อาหารให้เป็นหนึ่งในศูนย์อาหารที่สวยที่สุดในประเทศไทย รวมถึงการปรับปรุงสวนสนุก โยโย่แลนด์ ซึ่งเป็นสวนสนุกในร่มแห่งเดียวในประเทศ เพื่อรองรับกลุ่มครอบครัวและคนรุ่นใหม่

ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ซีคอนสแควร์กำลังดำเนินการก่อสร้าง ทางเชื่อมรถไฟฟ้าสายสีเหลือง จากสถานีสวนหลวง ร.9 เพื่อให้ลูกค้าสามารถเดินทางเข้าสู่ศูนย์การค้าได้โดยตรง และเพื่อรองรับการเติบโตของศูนย์การค้า ยังมีโครงการก่อสร้าง อาคารจอดรถแห่งใหม่ เพื่อรองรับรถยนต์เพิ่มขึ้นอีก 2,000 คัน ทำให้ทั้งศูนย์ฯ รองรับรถยนต์ได้กว่า 10,000 คัน เพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการ

ประภา จิตวิวัฒน์พร ผู้อำนวยการสายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัท ซีคอน ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า พื้นที่ “MyScape” จะได้รับการพัฒนาให้เป็น “พื้นที่แห่งประสบการณ์” ที่ผสมผสานไลฟ์สไตล์คอมมูนิตี้ ศูนย์การค้า และศูนย์รวมของแบรนด์ชั้นนำ เพื่อให้ลูกค้าได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุด โดยตั้งอยู่ใจกลางชุมชนผู้มีกำลังซื้อสูงในกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก รายล้อมไปด้วยโครงการที่อยู่อาศัยระดับลักซ์ชัวรี โรงเรียนนานาชาติชั้นนำ และสามารถเชื่อมต่อโดยตรงกับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง โดยภายในพื้นที่กว่า 40,000 ตารางเมตร จะถูกพัฒนาเป็น 4 โซนหลัก เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันของแต่ละบุคคล ได้แก่ MyPulse สำหรับผู้ที่มีไลฟ์สไตล์เต็มไปด้วยพลังและความกระฉับกระเฉง MySelf พื้นที่สำหรับผู้ที่มองหาความโดดเด่นและการแสดงออกในแบบของตนเอง MyChill-Out โซนสำหรับการพักผ่อนและพบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูง และ MyDineScape ซึ่งมอบประสบการณ์ด้านอาหารระดับพรีเมียมในบรรยากาศที่พิเศษ

ด้วยแนวคิดที่แตกต่างและการออกแบบที่รองรับทุกมิติของการใช้ชีวิต MyScape จึงถือเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ได้อย่างลงตัว และคาดว่าจะพร้อมเปิดให้บริการในปี 2569

ดร.จักรพล จันทวิมล ผู้อำนวยการ สำนักสื่อสารการตลาด บริษัท ซีคอน ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีนี้ ซีคอน บางแค ได้มีการปรับโฉมพื้นที่ใหม่กว่า 2,000 ตารางเมตร พร้อมเสริมทัพแบรนด์ชั้นนำในโซนร้านอาหาร แฟชั่น ไอที การศึกษา และเอ็นเตอร์เทนเมนต์ เพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ โดยมีไฮไลต์สำคัญอย่าง Space & Time Cube+ พิพิธภัณฑ์ 3D Immersive Arts และ Harudot by Nana Coffee Roasters ที่จะช่วยยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น

นอกจากการพัฒนาโครงการแล้ว กลยุทธ์การตลาด ถือเป็นหัวใจสำคัญ ซีคอนฯ มุ่งสร้างสรรค์แคมเปญและอีเวนต์ที่มีเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นงานแสดงศิลปะ กิจกรรมสำหรับชุมชน และความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ในการจัดแคมเปญพิเศษ ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มยอดผู้เข้าใช้บริการขึ้น 20% และดึงดูดกลุ่มลูกค้าใหม่ โดยเฉพาะ Gen Z และกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง โดยแผนการพัฒนาครั้งนี้จะเปลี่ยนโฉมซีคอนฯ อย่างสิ้นเชิง โดยซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ จะเป็นพื้นที่สะท้อนศิลปะและไลฟ์สไตล์เฉพาะตัว ซีคอน บางแค จะเป็นแหล่งรวมร้านค้าชั้นนำและโซนไลฟ์สไตล์ใหม่ ส่วน MyScape จะเป็นพื้นที่แห่งอนาคตที่รวม Specialty Brands ไว้อย่างครบครัน นับเป็นมากกว่าการลงทุนโครงการใหม่ แต่เป็นการสร้างพื้นที่ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมตั้งเป้าให้ซีคอนฯ เป็นจุดหมายปลายทางด้านไลฟ์สไตล์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด

“ในปี 2024 ซีคอนฯ สามารถสร้างรายได้ถึง 3,345 ล้านบาท เติบโต 12% และในปีนี้คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องอีก 8-10% พร้อมแผนขยายที่จอดรถจาก 8,500 คัน เป็น 10,000 คันในปี 2026 เพื่อรองรับลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”ดร.จักรพล กล่าว