สัมมากร ผนึก แอสเซท โปร กรุ๊ป เปิดตัวโครงการบ้านหรูระดับลักชัวรี่ครั้งแรก “PROVIDENCE LANE Ekkamai-Ramintra” มีเพียง 12 หลัง
บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) หรือ SAMCO ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างสรรค์โครงการคุณภาพเป็นระยะเวลา 50 ปี ร่วมกับ บริษัท แอสเซท โปร กรุ๊ป จำกัด ผู้นำด้านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์โซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือในเครือสิริมงคล และธุรกิจรถยนต์นำเข้าระดับพรีเมียมภายใต้แบรนด์ “Rabbit Auto Craft” ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวโครงการบ้านหรูระดับลักชัวรี่ซึ่งได้พัฒนาโครงการร่วมกันครั้งแรก โครงการ “PROVIDENCE LANEEkkamai-Ramintra” ที่มีเพียง 12 หลัง บนทำเลเอกมัย–รามอินทรา มูลค่าโครงการกว่า 500 ล้านบาท เตรียมเปิด Pre-Saleวันเสาร์ที่ 9 – 10 ตุลาคมนี้
ณพน เจนธรรมนุกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) หรือ SAMCO กล่าวว่า จากประสบการณ์มาตลอดระยะเวลากว่า 50 ปีของสัมมากรในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลากหลายรูปแบบเพื่อตอบสนองต่อกลุ่มผู้บริโภคทุกเซกเมนต์ และโอกาสนี้เพื่อขยายฐานตลาดสู่กลุ่มลูกค้าระดับบนระดับลักชัวรี่เพิ่มเติม บริษัทฯ ได้จับมือกับ แอสเซท โปร ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในโซนพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมาร่วมงาน พัฒนาโครงการ “PROVIDENCE LANE Ekkamai-Ramintra”บ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี่ 3 ชั้น พร้อมสระว่ายน้ำ ลิฟต์ส่วนตัว และสวนกลางบ้าน บนทำเลเอกมัย–รามอินทรา มูลค่าโครงการกว่า 500ล้านบาท ที่ บนพื้นที่โครงการ 3-1-12.2 ไร่ จำนวนบ้าน 12 หลัง เนื้อที่บ้าน เริ่มต้นที่ 64.50-101.00 ตารางวา มีพื้นที่ใช้สอย เริ่มต้น 248-712 ตาตางเมตร จำนวนห้อง 4 ห้องนอน 5-6 ห้องน้ำ 1-2 ห้องแม่บ้าน ที่จอดรถทั้งหมด 3-4 คัน ที่สำคัญโครงการตั้งอยู่บนทำเลการคมนาคมที่สะดวกบริเวณ ถนนเกษตร-นวมินทร์ ถนนลาดพร้าว ถนนประดิษฐมนูญธรรม ทางพิเศษฉลองรัช (รามอินทรา-อาจณรงค์) นอกจากนี้มีโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเทาและรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ซึ่งโครงการในอนาคตรองรับช่วยให้การเดินทางสะดวกมากยิ่งขึ้น อยู่ใกล้ห้างสรรพสินค้า Central Festivel EastVille Chic Republic Crystal Design Center และอื่นๆ ราคาขายเริ่มต้น 30 ล้านบาทต่อหลัง เริ่มก่อสร้าง ไตรมาส 2 ปี พ.ศ. 2564 และคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณ ไตรมาส 4 ปี พ.ศ. 2565
สำหรับแผนการตลาดของโครงการดังกล่าวนั้น บริษัทฯได้เชิญ คุณป๊อด โมเดิร์นด็อก มาเป็น Brand Iconicของโครงการฯ ด้วยบุคลิกที่มีความเป็นตัวเองสูง มีความเป็นศิลปิน อีกทั้งเป็นนักสร้างสรรค์ผลงานที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่นเสมอ ซึ่งตรงกับคอนเซ็ปต์ของโครงการฯ เป็นอย่างมาก และพิเศษสำหรับผู้ที่เป็นเจ้าของโครงการดังกล่าว ใน 2หลังแรกจะได้รับภาพวาดจากปลายพู่กันของคุณป๊อด อีกด้วย ซึ่งโครงการดังกล่าวจะเตรียมเปิดขายรอบ PRE-SALE 9 – 10 ตุลาคม พ.ศ. 2564 นี้
ณพน กล่าวถึงยอดขายของโครงการนี้ว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าว่าภายในปีพ.ศ. 2564 นี้จะสามารถขายบ้านในโครงการนี้ได้ประมาณ 6 หลัง เนื่องจากกลุ่มผู้บริโภคระดับลักชัวรี่หันมาให้ความสนใจโครงการบ้านระดับลักชัวรี่เพิ่มขึ้นแทนโครงการคอนโดมิเนียม เพราะต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยมากกว่าซื้อเพื่อทำกำไรและแบ่งให้เช่า
สำหรับผลกระทบและการปรับตัวจากสถานการณ์ COVID-19 ของบริษัทฯ นั้นได้มีการติดตามและประเมินผลต่างๆมาอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับแผนการดำเนินงานของบริษัทฯให้ทันต่อสถานการณ์และตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคแต่ละเซกเมนต์ ของตลาดผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก เช่น ปรับภาพรวมขององค์กรและสินค้า ทั้งภาพลักษณ์ ฟังก์ชัน ดีไซน์ ให้มีความทันสมัยและรูปแบบการใช้งาน เป็นต้น ซึ่งผลประกอบการของบริษัทฯในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาของปี พ.ศ.2564 มีรายได้รวมอยู่ที่ 716.39 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 6.52% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปี พ.ศ. 2563 ที่มีรายได้รวมจำนวน 672.52 ล้านบาท และตลอดปี พ.ศ.2563 มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,701.50 ล้านบาท ส่วนการร่วมงานกับทางบริษัท แอสเซท โปร กรุ๊ป จำกัด เพิ่มเติมในอนาคตนั้นมีอีกหลายๆโครงการที่กำลังคุยกันในรายละเอียดของธุรกิจ ทั้งนี้ต้องดูในระยะเวลาและพื้นที่ที่เหมาะสมในการร่วมทำโครงการใหม่ๆอื่นๆเพิ่มเติมในอนาคตเบื้องต้นมี 1 โครงการในช่วงต้นปีพ.ศ.2565
ด้านกล้ายุทธ จินตนะกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอสเซท โปร กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทุกรูปแบบ รวมทั้งห้างสรรพสินค้าและอื่นๆในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมทำงานกับ บริษัท สัมมนากรในโครงการ “PROVIDENCE LANE Ekkamai-Ramintra”นับเป็นการขยายตลาดมาสู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจของบริษัทฯเพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคอย่างดีที่สุด โดยมีสัดส่วนการลงทุนอยู่ 49% สำหรับบริษัทฯ และอีก 51% เป็นของสัมมากร และเชื่อมั่นว่าจากประสบการณ์การดูแลลูกค้าระดับ พรีเมียมและกลุ่มนิชมาร์เก็ตของบริษัท รวมทั้งความเชี่ยวชาญของทีมงานสัมมากรในด้านการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพสูงในพื้นที่ส่วนกลางของประเทศมาอย่างยาวนาน จะสร้างความต่างที่ตอบโจทย์ความต้องการกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ รวมถึงสามารถสร้างความพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้ากลุ่มนี้ และส่งผลให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
สำหรับคอนเซ็ปต์ของโครงการฯ คือ “Defining Me” วางเอาไว้เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ใส่ใจและให้ความสำคัญกับความเป็นตัวเอง สนุกสนานกับทุกสิ่งที่ทำ เปรียบเหมือนจิตรกรที่กำลังแต่งแต้มผลงาน มาสเตอร์พีซบนผืนผ้าใบ ด้วยรูปแบบดีไซน์ Bauhausผสมผสานระหว่างฟังก์ชันที่ทันสมัยกับความสวยงามของศิลปะ สะท้อนให้เห็นถึงรสนิยมของผู้พักอาศัยที่ต้องการความต่างอย่างลงตัว เพื่อเน้นเจาะกลุ่มนิชมาร์เก็ตคนรุ่นใหม่ ทั้งคนโสดหรือกำลังเริ่มสร้างครอบครัวที่ต้องการบ้านที่หรูหราและมีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบลงตัวในการใช้ชีวิต
อลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย)จำกัด (CBRE) ที่ปรึกษาด้านงานขาย กล่าวว่า จากสถานการณ์ COVID-19 ได้ส่งผลต่อสภาวะเศรษฐกิจและมีผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวมที่ชะลอตัว ทั้งนี้ตลาดบ้านเดี่ยวถือว่าเป็นตลาดที่ได้รับผลกระทบน้อยกว่าตลาดคอนโดมิเนียมเพราะเป็นตลาดของผู้อยู่อาศัยเอง เป็นหลัก โดยตลาดบ้านเดี่ยวโดยเฉพาะระดับลักชัวรี่ที่มีราคาตั้งแต่ 30ล้านบาทขึ้นไปยังค่อนข้างคึกคัก มีการเปิดตัวสูงถึง 439 หลังในปี พ.ศ. 2563และมียอดขายอยู่ในเกณฑ์คงที่ประมาณ 60–68% พราะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง ประกอบกับการแพร่ระบาดของ COVID- 19ทำให้คนเห็นความสำคัญของบ้านมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องพื้นที่และฟังก์ชันการใช้งาน ทำเลที่ได้รับความนิยมมากอันดับต้นๆ คือ กรุงเทพฯ ชั้นในฝั่งตะวันออกและตอนเหนือ โดยทำเลกรุงเทพฯ ชั้นในฝั่งตะวันออกมีโครงการมากสุดถึง 1,073หลัง ส่วนกรุงเทพฯฝั่งเหนือมีซัพพลายน้อยกว่าด้วยข้อจำกัดของที่ดิน ทำให้มีอัตราการดูดซับดีที่สุดและมียอดขายไปแล้ว 87%
ในส่วนของพฤติกรรมของผู้บริโภคเนื่องด้วยสถานการณ์ปัจจุบันส่งผลลูกค้ากลุ่มนี้ให้ความสำคัญเรื่องพื้นที่ใช้สอยและฟังก์ชันต่างๆ ที่ต้องสามารถปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับกิจกรรมที่หลากหลาย มีพื้นที่สีเขียวที่เชื่อมต่อกับพื้นที่ภายในบ้าน มีการนำเอานวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวก ช่วยดูดความร้อนออกจากบ้านและเติมความเย็นเข้าไปในตัวบ้านทำให้บ้านเย็น เป็นต้นที่สำคัญลูกค้ากลุ่มนี้จะให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมรอบโซนที่อยู่อาศัย เน้นใกล้เมืองที่สามารถเดินทางเข้าออกได้ หลายทาง เชื่อมต่อไปยังโซนต่างๆ ได้ง่าย และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ซึ่งโครงการ “PROVIDENCE LANE Ekkamai-Ramintra”เป็นโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้ดี