ออริจิ้น ปลื้มยอดโอนไตรมาส 2 ทะลุ 4,800 ล้านบาท พร้อมกำไรกว่า 870 ล้านบาทเสริมแกร่งร่วมทุนบ้าน-คอนโด-โรงแรม-คลังสินค้า 25 โครงการ
ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ กวาดยอดกิจกรรมการโอนกรรมสิทธิ์โครงการที่อยู่อาศัย ไตรมาส 2 ปี 2566 ทะลุ 4,812 ล้านบาท เติบโต 9% QoQ ด้านพรีเซลทำนิวไฮท์ต่อเนื่อง 12,461 ล้านบาท ครึ่งปีแรกพรีเซล 54% ของเป้าหมาย เดินหน้าขยายธุรกิจทั่วประเทศตามแผน พร้อม Open Platform ร่วมทุนบ้าน-คอนโด-โรงแรม-คลังสินค้า ตลอดไตรมาสเพิ่ม 25 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 25,270 ล้านบาท หวังตอบโจทย์แผน Origin Infinity เพิ่มโอกาสกระจายพอร์ตสร้างรายได้ในทำเลศักยภาพต่างจังหวัด ด้านโรงแรมใหม่ที่เปิดในปลายไตรมาส 1 ปี 2566 “สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท” ทำอัตราเข้าพักทะลุกว่า 92% ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี2566 ส่งผลทั้งไตรมาสคว้ากำไรสุทธิ 873 ล้านบาท เติบโตกว่า 9% QoQ แบ็คล็อกแกร่ง 46,000 ล้านบาท รอรับรู้รายได้ตลอด 5 ปีข้างหน้า พร้อมร่วมทุนเพิ่มเติมต่อเนื่อง บอร์ดเคาะจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.16 บาทต่อหุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD 28 ส.ค.นี้
พีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2566 (เมษายน – มิถุนายน 2566) บริษัทฯ ได้โอนกรรมสิทธิ์โครงการที่อยู่อาศัยกว่า 4,812 ล้านบาท เติบโต 9% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จากกลุ่มโครงการที่ไม่ได้ร่วมทุน (Non-JV) และ โครงการร่วมทุน (JV) ที่ทยอยโอนตามแผน ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังทำสถิติยอดขาย (พรีเซล) โครงการที่อยู่อาศัยสู่ระดับ New-High ได้อย่างต่อเนื่อง อยู่ที่ 12,461 ล้านบาท ส่งผลให้ครึ่งปีแรกมียอดพรีเซลสะสมแล้วราว 54% ของเป้าหมายทั้งปี
อีกทั้ง ในไตรมาสนี้บริษัทฯ เดินหน้าร่วมทุน (Joint Venture หรือ JV) กับพันธมิตร โดยมีการร่วมทุนใหม่ทั้งฝั่งบ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม โรงแรม และคลังสินค้า รวมกันถึง 25 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 25,270 ล้านบาท (รวมมูลค่า REIT ประมาณการณ์ของโครงการโรงแรมและคลังสินค้า) ซึ่งถือว่ามีจำนนวนสูงที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ แบ่งเป็นการร่วมทุนกับพันธมิตรด้านการเงินการลงทุน (Investment Partner) จำนวน 11 โครงการ มูลค่าประมาณ 12,144 ล้านบาท และพันธมิตรเจ้าของที่ดิน (Landlord Partner) จำนวน 14 โครงการ มูลค่าประมาณ 13,126 ล้านบาท บริษัทฯ เริ่มเดินหน้าเปิดกว้างการร่วมทุน (Open Platform) มากขึ้นในกลุ่มพันธมิตรเจ้าของที่ดินโดยตั้งแต่ปลายปี 2565 ที่ผ่านมา ได้มีการพัฒนาโมเดลการร่วมทุนกับเจ้าของที่ดินให้ชัดเจนขึ้น ส่งผลให้ครึ่งปีแรก บริษัทฯ มีทั้ง Investment Partner และ Landlord Partner เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีที่ดินในทำเลศักยภาพทั้งในและต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น โดยใช้เงินทุนน้อยลงในการพัฒนาโครงการ ตอบโจทย์การขยายจักรวาลตามแผน Origin Infinity กระจายพื้นที่สร้างรายได้ในทำเลศักยภาพใหม่ๆ ทั่วประเทศ สร้างความมั่นคงและยั่งยืนให้แก่การเติบโตของบริษัทฯ ในระยะยาว
ขณะที่กลุ่มธุรกิจโรงแรมภายใต้ บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด (มหาชน) หรือ ONEO นั้น โรงแรมที่เพิ่งเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในช่วงปลายไตรมาส 1 ปี 2566 อย่างโรงแรมสเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท (Staybridge Suites Bangkok Sukhumvit) โรงแรมแบรนด์ Staybridge Suites จากเครืออินเตอร์คอนติเนนตัล กรุ๊ป (IHG) ก็ได้รับการตอบรับอย่างยอดเยี่ยม มีอัตราการเข้าพักสูงสุดในช่วงเดือนมิถุนายน ถึง 92.13% จากผลการดำเนินงานทั้งหมด ส่งผลให้ภาพรวมในไตรมาส 2/2566 ของเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 873 ล้านบาท เติบโต 9% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
พีระพงศ์ กล่าวต่อว่า จากผลการดำเนินงานที่มีเสถียรภาพและรักษาระดับการเติบโตตลอดช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเห็นชอบให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นสามัญจ่ายปันผลสำหรับกำไรสะสมและผลการดำเนินงานของบริษัทฯ งวด 1 มกราคม – 30 มิถุนายน 2566 ในอัตรา 0.16 บาทต่อหุ้น คิดเป็นเงินปันผลจ่ายเป็นเงินสดทั้งสิ้นไม่เกิน 392,659,592 ล้านบาท โดยขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 28 สิงหาคม 2566 กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 29 สิงหาคม 2566 และกำหนดจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นภายในวันที่ 13 กันยายน 2566
สำหรับช่วงครึ่งปีหลังของปี 2566 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2566) แม้สภาพตลาดยังมีปัจจัยที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดหลากหลายปัจจัย อาทิ การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ การปรับตัวของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่จากแผนการขยายธุรกิจทั้งเครือสู่พื้นที่หัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศในปีนี้ ส่งผลให้บริษัทฯ มีโอกาสเข้าถึงตลาดศักยภาพใหม่ๆ ที่มีความต้องการสูง และยังไม่มีคู่แข่งทางตรง บริษัทฯ จะยังคงเดินหน้าเปิดโครงการใหม่ตามแผนงานที่วางไว้ และพิจารณาร่วมทุนโครงการใหม่ๆ ในทำเลต่างๆ เพิ่มเติมอีกราวไตรมาสละประมาณ 5-10 โครงการ
“บริษัทฯ ยังมียอดขายรอรับรู้รายได้ (แบ็คล็อก) ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2566 อยู่ที่ประมาณ 46,564 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้อย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2566-2570 โดยบริษัทฯ ยังคงมีโครงการที่จะทยอยโอนกรรมสิทธิ์ต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้หลายโครงการ อาทิ พาร์ค ออริจิ้น จุฬา-สามย่าน (Park Origin Chula-Samyan) พาร์ค ออริจิ้น ราชเทวี (Park Origin Ratchatewi) โซโห แบงค็อก รัชดา (Soho Bangkok Ratchada) ดิ ออริจิ้น อี 22 สเตชั่น (The Origin E22 Station) และโครงการที่จะแล้วเสร็จใหม่ในครึ่งปีหลังอีกกว่า 20 โครงการ ทั้งโครงการคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรร” พีระพงศ์ กล่าวทิ้งท้าย