TOSTEM ก้าวสู่ 101 ปี ชูแผนธุรกิจสู่ Net-Zero 2050 พร้อมเปิดตัวนวัตกรรมอะลูมิเนียมรักษ์สิ่งแวดล้อมครั้งแรกในงาน “สถาปนิก’67”
แบรนด์ TOSTEM ซึ่งผลิตประตูหน้าต่างอะลูมิเนียม ภายใต้บริษัท ลิกซิล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (LIXIL) ก้าวสู่ 101 ปี เดินหน้าดำเนินธุรกิจประตูหน้าต่างอะลูมิเนียมสำเร็จรูปด้วยการพัฒนานวัตกรรมที่ผสานเทคโนโลยีเพื่อการอยู่ร่วมกันของคนและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน พร้อมเปิดตัวอะลูมิเนียมรักษ์สิ่งแวดล้อม “PremiAL R100” ซึ่งผลิตมาจากอะลูมิเนียมรีไซเคิล 100% ยกระดับการสร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยด้วยสินค้าคุณภาพ ตอบโจทย์วิสัยทัศน์ Net-Zero 2050 เตรียมระดมทัพนวัตกรรมเรือธงและผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบโจทย์ลูกค้าทุกเซกเมนต์ ในงาน “สถาปนิก’67” (Architect Expo 2024) ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้าอิมแพค เมืองทองธานี
วิชา วรสายัณห์ ลีดเดอร์ กลุ่มธุรกิจเฮาส์ซิ่งเทคโนโลยี บริษัท แอล เอช ที เอเซีย เซลส์ แอนด์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจในปี พ.ศ.2567 นี้ บริษัทฯ เน้นการนำนวัตกรรมสู่ตลาดที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิด “RE-CONNECTING LIVES” หรือ “การทำธุรกิจเพื่อให้ผู้อยู่อาศัยใกล้ชิดธรรมชาติมากกว่าเดิม” เป็นส่วนหนึ่งในภารกิจ “FRAMING THE FUTURE OF LIVING” ใสใจด้านสิ่งแวดล้อม 2050 (Net-Zero 2050) มุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ (Net-Zero CO2 Emission) และใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน โดยภายในงานสถาปนิก’67 (Architect Expo 2024) โดยTOSTEM ได้นำเสนอนวัตกรรมล่าสุด อะลูมิเนียมรักษ์สิ่งแวดล้อม “PremiAL R100” ซึ่งผลิตจากอะลูมิเนียมรีไซเคิล 100% ที่โรงงาน TOSTEM ไทย ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร มีกำลังการผลิตรวมปัจจุบัน 7,000 ตันต่อเดือน แบ่งสัดส่วนเป็นจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นประมาณ 70% และจำหน่ายในประเทศไทยประมาณ 30%
โดยโรงงานของบริษัทฯได้รับการรับรองจากฉลากสิ่งแวดล้อม EcoLeaf และ JIC Quality Assurance Ltd โดยมีการตรวจสอบกระบวนการผลิตเพื่อให้มั่นใจว่าใช้อะลูมิเนียมรีไซเคิล 100% และไม่มีอะลูมิเนียมใหม่มาเจือปน ซึ่งการใช้อะลูมิเนียมรีไซเคิลจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 97% เมื่อเทียบกับการถลุงอะลูมิเนียมใหม่ และคาดว่าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ Scope 3 ลงถึง 30% ภายในปี พ.ศ.2574
สำหรับผลิตภัณฑ์ “PremiAL R100” พร้อมจัดจำหน่ายเดือนเมษายน ศกนี้ เป็นต้นไป ภายในบูธยังมีโซนที่จัดแสดงโชว์สินค้าแบรนด์ REVIA วัสดุปูพื้นทางเดิน จาก LIXILที่เริ่มจัดจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่น 10 มกราคม พ.ศ. 2566 ซึ่งผลิตจากขยะพลาสติกและเศษไม้ ด้วยความเชี่ยวชาญของ LIXIL ในการบดย่อยและขึ้นรูปพลาสติก ผสานกับเศษไม้เหลือทิ้งจากการรื้อถอนอาคาร REVIA จึงสามารถผลิตจากขยะพลาสติกประเภทต่างๆ ได้เกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นพลาสติกใช้ในครัวเรือน พลาสติกเชิงพาณิชย์ แม้กระทั่งพลาสติกผสม หรือแม้แต่พลาสติกที่ลอยในทะเล โดยการนำขยะพลาสติกและเศษไม้มาใช้ประโยชน์ในการผลิต REVIA 1 ตัน ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงถึง 82%
วิชา กล่าวถึงภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปี พ.ศ.2567 ว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายรวมเพิ่มขึ้น 20 % จากปี พ.ศ.2566 โดยสัดส่วนลูกค้าปัจจุบันกลุ่ม B2B ประมาณ 70-80% และกลุ่ม B2C ประมาณ 20-30% ทั้งนี้ พฤติกรรมการก่อสร้างบ้านที่อยู่อาศัยของประชาชนในปัจจุบันเปลี่ยนไปจากในอดีตมาก ส่วนใหญ่จะแต่งบ้านที่มีอยู่ด้วยนวัตกรรมสมัยใหม่ที่ช่วยประหยัดพลังงานและคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเช่น การออกแบบต่อเติมบ้านจะเลือกอุปกรณ์การต่อเติมบ้าน วัสดุต่างๆด้วยตนเองและเลือกโดยมีสถาปนิกเป็นผู้แนะนำ
“การเปิดตัว “PremiAL 100” คาดว่าจะขยายตลาดสู่กลุ่มลูกค้าไม่ว่าจะเป็นกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องการพัฒนาโครงการที่ยั่งยืนและเลือกวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือกลุ่มลูกค้าที่สร้างบ้านเอง แต่สนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมได้เพิ่มมากขึ้น และยังดำเนินการตามแผนที่จะขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าอยู่อาศัย (Retails) มากขึ้น พร้อมขยายส่วนแบ่งการตลาดกลุ่ม Upper Mass – Luxury Segment” วิชา กล่าว
นอกจากการร่วมออกบูธในงาน สถาปนิก’67 (Architect Expo 2024) ปี ยังผนึกกำลังกับพันธมิตรทางธุรกิจขยาย TOSTEM Studio ที่บริหารโดยตัวแทนจำหน่าย ขยายโชว์รูมในพื้นที่จริงให้ครอบคลุมในต่างจังหวัดโดยเน้นหัวเมืองใหญ่และเมืองท่องเที่ยว เพื่อขยายตลาดลูกค้ากลุ่มที่อยู่อาศัย รีสอร์ท และบริษัทรับสร้างบ้านในพื้นที่ดังกล่าว โดยขณะนี้ได้ทำการเปิด TOSTEM Studio ไปแล้ว 13 แห่ง ในจังหวัดปทุมธานี พิษณุโลก อุดรธานี ขอนแก่น นครราชสีมา กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ สงขลา กาญจนบุรี เชียงราย ชลบุรี อุบลราชธานี และนครปฐม ซึ่งเป็นไปตามแผนการขยายโชว์รูมให้ครอบคลุมครบทั่วทุกภูมิภาคทั่วประเทศเพื่อการเข้าถึงผู้บริโภค โดยบริษัทฯ มีเป้าหมายในการขยาย TOSTEM Studio ให้ครบ 20 สาขาในปี พ.ศ.2567
สำหรับการออกแบบบูธในงานสถาปนิก’67 (Architect Expo 2024) TOSTEM ได้ออกแบบบูธภายใต้แนวคิด SUSTAINABLE DESIGN โดยวัสดุทั้งหมดประกอบด้วย อะลูมิเนียม กระจก เหล็ก ไม้อัด OSB กระดาษลูกฟูก ซึ่งสามารถย่อยสลายหรือเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลได้ทั้งหมดหลังจากการจัดงาน เช่น นำเอาเศษแท่งอะลูมิเนียมที่เหลือจากการติดทิ้งส่วนปลายจากโรงงานเอามาเรียงต่อกันเป็นผนังกึ่งทึบกึ่งโปร่งเหมือนกำแพงวัดที่มีบัวยื่นเข้าออก โดยผ่าแนวกลางผนังเพื่อเลื่อนออกจากกันเป็น 2 กำแพง เปิดพื้นที่เป็นคาเฟ่ ด้านใน และเข้าสู่พื้นที่จัดแสดงของผลิตภัณฑ์ TOSTEM ที่ได้ระดมทัพนวัตกรรมเรือธงและผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น
1.GIESTA FamiLock ชุดล็อกระบบดิจิทัลใหม่ล่าสุดนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น
2.GRANTS ผลิตภัณฑ์ซีรีส์ใหม่ สำหรับอาคารแนบราบออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านดีไซน์ของโครงการบ้านและโครงการเชิงพาณิชย์ระดับลักชัวรี่ ขยายความสูงของประตูบานเลื่อน สูงสุด 4.5 เมตร และหน้าต่างบานเปิด สูงสุด 3.5 เมตร 3.กลุ่มผลิตภัณฑ์ ATIS กับ Streamline Design ดีไซน์ไร้รอยต่อที่มาพร้อมกับ อุปกรณ์อันสวยงาม เส้นกรอบ พื้นผิวกรอบประตูหน้าต่างและการใช้งานทำงานร่วมกันอย่างนุ่มนวล และบานหน้าต่างรูปแบบใหม่ที่สามารถใช้งานได้สะดวกมากขึ้น 4.Smart Insect Screen นวัตกรรมมุ้งลวดล่องหน ที่ช่วยป้องกันแมลงและมลพิษจากภายนอกมุ้งลวดที่สามารถเพิ่มการมองเห็น