Friday, November 22, 2024
Latest:
News

ครม. มีมติเห็นชอบ MOU ระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงคมนาคมและการเคลื่อนย้ายอย่างยั่งยืนแห่งราชอาณาจักรสเปนด้านโครงสร้างพื้นฐานและการคมนาคม

การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ..2567 ซึ่งมีเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี ณ ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 โดย ครม. มีมติเห็นชอบบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงคมนาคมและการเคลื่อนย้ายอย่างยั่งยืนแห่งราชอาณาจักรสเปนด้านโครงสร้างพื้นฐานและการคมนาคม

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคม (คค.) เสนอ ดังนี้

1.เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่าง คค. แห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงคมนาคมและการเคลื่อนย้ายอย่างยั่งยืนแห่งราชอาณาจักรสเปน ด้านโครงสร้างพื้นฐานและการคมนาคม (ร่างบันทึกความเข้าใจฯ) ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุง แก้ไขร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญก่อนการลงนาม และเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย ให้อยู่ในดุลยพินิจของ คค. โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง

2.อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยสำหรับการลงนามดังกล่าว

สาระสำคัญของเรื่อง

1.คค. แห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงคมนาคมและการเคลื่อนย้ายอย่างยั่งยืนแห่งราชอาณาจักรสเปน มีจุดมุ่งหมายที่จะกำหนดกรอบความร่วมมือในด้านโครงสร้างพื้นฐานและการคมนาคม ขนส่ง  จึงได้มีการจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจฯ เพื่อกำหนดขอบเขตและกระชับความร่วมมือในด้านโครงสร้างพื้นฐานและการคมนาคมขนส่งของทั้งสองประเทศ

2.เรื่องนี้ คค. เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่าง คค. แห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงคมนาคมและการเคลื่อนย้ายอย่างยั่งยืนแห่งราชอาณาจักรสเปน ด้านโครงสร้างพื้นฐานและการคมนาคม (ร่างบันทึกความเข้าใจฯ) ซึ่งร่างบันทึกความเข้าใจฯ เป็นการกำหนดกรอบความร่วมมือด้านโครงสร้างพื้นฐานและการคมนาคมขนส่งในมิติต่าง ๆ ได้แก่

1) ระบบราง 2) ถนน และการขนส่งทางบก 3) ท่าเรือ และการขนส่งทางน้ำ และ (4) การบินผ่าน การแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ และการพัฒนาโครงการนำร่อง การให้คำปรึกษา คำแนะนำทางเทคนิคและความช่วยเหลือในการจัดทำและดำเนินโครงการ การวิจัย การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม การจัดประชุม สัมมนา และการประชุมเชิงปฏิบัติการ รวมถึงการฝึกอบรมและโครงการแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของทั้งสองประเทศ

โดย คค. แจ้งว่า การลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ และการดำเนินกิจกรรมภายใต้ขอบเขตความร่วมมือต่าง ๆ จะทำให้ประเทศไทยได้รับประโยชน์ เช่น 1) ได้รับการแบ่งปันประสบการณ์และความรู้ด้านระบบราง เช่น การวางแผนและออกแบบโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะทำให้บุคลากรของไทยมีความรู้ ความสามารถในการพัฒนามาตรฐานระบบรางของประเทศไทยได้อย่างยั่งยืน 2) ได้รับการสร้างความตระหนักรู้และความรู้เรื่องความปลอดภัยทางถนนที่เป็นมาตรฐานระดับโลก ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมีแนวทางในการลดอัตราผู้เสียชีวิตและอุบัติเหตุบนท้องถนน 3) เสริมสร้างการยกระดับความร่วมมือด้านท่าเรือ ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมีประสิทธิภาพในการดำเนินงานของท่าเรือและระบบโลจิสติกส์ทั้งในประเทศและภูมิภาค และ (4) การบินของไทยมีความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยรองรับการเป็นศูนย์กลางด้านการบิน (Aviation Hub) ของภูมิภาค

3.กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเห็นว่า ร่างบันทึกความเข้าใจฯ มิได้มีการใช้ถ้อยคำหรือบริบทใดที่มุ่งจะก่อให้เกิดพันธกรณีภายใต้บังคับของกฎหมายระหว่างประเทศ และวรรค 8 ของร่างบันทึกความเข้าใจฯ ระบุว่าร่างบันทึกความเข้าใจฯ จะไม่ก่อให้เกิดผลผูกพันทางกฎหมาย และไม่ก่อให้เกิดพันธกรณีภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ ดังนั้น จึงไม่เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่เป็นหนังสือตามมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ส่วนสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นชอบตามที่ คค. เสนอ