Thursday, November 21, 2024
Latest:
News

TCMC โชว์ผลการดำเนินงาน Q1 ปี 2566 ทำรายได้เฉียด 2 พันล้านบาทพร้อมเติบโตและสร้างกำไร รับตลาดฟื้นตัว

ทีซีเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (TCM Corporation) หรือ TCMC เผยผลประกอบการในไตรมาสที่ 1 ของปี 2566 ยังคงทำรายได้กว่า 1.99 พันล้านบาท กำไรสุทธิ 11.32 ล้านบาท เชื่อมั่นทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจพร้อมเดินหน้าเติบโตและทำกำไรในไตรมาสที่เหลือรับตลาดฟื้นตัวปรับสู่ภาวะปกติ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจวัสดุตกแต่งพื้นผิวที่มีผลการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้นชัดเจน ขณะที่กลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ทำผลงานได้ตามเป้าหมาย ส่วนกลุ่มธุรกิจพรมและผ้าหุ้มเบาะรถยนต์ค่อยๆ ฟื้นตัว ตามสถานการณ์ตลาด

ปิยพร พรรณเชษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีซีเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือTCMC

ปิยพร พรรณเชษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีซีเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือTCMC  เปิดเผยว่า บริษัท ทีซีเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย (เรียกรวมกันว่า “กลุ่มบริษัท”) มีรายได้จากการขายและบริการในไตรมาส ที่ 1 ปี 2566 จำนวน 1,999.30 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 2,394.40 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 16.50 และมี EBITDA จำนวน 119.77 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นร้อยละ 25.74 และมีผลประกอบการเป็นกำไรสุทธิ 11.32 ล้านบาท จากสถานการณ์ตลาดที่เริ่มเข้าสู่สภาวะปกติ และกลุ่มธุรกิจวัสดุตกแต่งพื้นผิว มีผลการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้น ซึ่งกลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์มีการปรับตัวรับสภาวะเศรษฐกิจทำให้เกิดค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียว ส่วนผลประกอบการปกติถือว่าทำได้ตามเป้าหมาย

“ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาสแรกสะท้อนถึงทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ชัดเจนขึ้น โดยกลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์มีรายได้และกำไรตามเป้าหมาย ในขณะที่กลุ่มวัสดุตกแต่งพื้นผิวฟื้นตัวมีการออกสินค้าใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ส่วนกลุ่มธุรกิจพรมและผ้าหุ้มเบาะรถยนต์ก็กลับมาเติบโตตามสภาวะตลาด ซึ่งบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าตามแผนกลยุทธ์ที่จะเป็นองค์กรที่เติบโตอย่างยั่งยืนโดยเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเพื่อผลตอบแทนอย่างต่อเนื่อง และตอบสนองความต้องการของลูกค้าและสังคมอย่างไม่หยุดนิ่ง รวมถึงการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ เพื่อเดินหน้าสู่ความยั่งยืน โดยมีการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างรัดกุม” ปิยพร กล่าว

จากการฟื้นตัวของตลาดท่องเที่ยวและโรงแรม ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของธุรกิจ กลุ่มธุรกิจวัสดุตกแต่งพื้นผิว (TCM Surface) มีรายได้จากการขายและบริการจำนวน 518.11 ล้านบาท สูงกว่างวดเดียวกันของปี ก่อนคิดเป็นร้อยละ 34.86 เนื่องจากตลาดฟื้น ตัวอย่างชัดเจน มีคำสั่งซื้อเข้ามามากขึ้นแสดงให้เห็นสัญญาณแนวโน้มธุรกิจที่ดีขึ้น และถึงแม้ว่ากลุ่มธุรกิจจะได้รับผลกระทบจากค่าขนส่ง ค่าแรง และราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น แต่บริษัทได้มีการปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์และบริหารจัดการประสิทธิภาพการผลิตให้ดีขึ้น รวมถึงค่าเงินที่เป็นปัจจัยบวกต่อธุรกิจ ทำให้กลุ่มธุรกิจสามารถทำอัตรากำไรขั้นต้นได้ดีขึ้น จากร้อยละ 31.05 เป็น ร้อยละ 39.92

ปิยพร กล่าวว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาได้ปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน โดยลงทุนเครื่องจักรที่ช่วยประหยัดพลังงาน ลดการใช้น้ำ ลดการใช้วัตถุดิบ รวมถึงการติดตั้งแผงผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาโรงงาน นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้ปรับโครงสร้างการทำงาน และใช้เทคโนโลยีใหม่มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ เพื่อลดค่าใช้จ่ายในด้านการดำเนินงาน เมื่อรวมกับค่าใช้จ่ายส่วนกลาง ต้นทุนทางการเงินและภาษีเงินได้ ทำให้ในไตรมาสแรกซึ่งเป็น Low Season กลุ่มธุรกิจวัสดุตกแต่งพื้นผิวมีผลขาดทุนสุทธิ 7.07 ล้านบาท ผลประกอบการดีขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 56.71 ล้านบาท นอกจากนี้ธุรกิจยังมีสินค้าใหม่ ที่ได้เริ่มเข้าสู่ตลาด เช่น พรมใช้ภายนอกอาคาร แผ่นซับเสียง ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี จากที่ได้เปิดตัวในงานสถาปนิก’ 66 ที่ผ่านมา และจากในงานนี้ ผลิตภัณฑ์พรมแผ่น รุ่น Breathe ของแบรนด์ Carpets Inter ยังได้รับรางวัล ASA Platform Selected Materials 2023 ซึ่งมอบให้วัสดุที่มีความโดดเด่นทั้งในด้านความสวยงาม ความเหมาะสมในการใช้งาน และการช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

ด้านกลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ (TCM Living) มีรายได้เป็นไปตามเป้าหมาย แต่ต่ำกว่างวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 29.36 เนื่องจากในปีก่อนมีความต้องการของตลาดคงค้างมาจากปลายปี 2564 ที่ทำให้การส่งมอบเลื่อนมาเกิดในต้นปี 2565 ซึ่งในปี 2566 นี้สถานการณ์เริ่มเข้าสู่สภาวะปกติ ถึงแม้จะยังได้รับผลกระทบจากต้นทุนและค่าขนส่งที่ยังสูงอยู่ แต่บริษัทก็สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพจนสามารถพัฒนาในเรื่องของกำไรขั้นต้นให้ดีขึ้นจากร้อยละ 16.95 ในปีก่อน เป็นร้อยละ 21.66 ในปีนี้ อย่างไรก็ตามกลุ่มธุรกิจมีค่าใช้จ่ายการขายและบริหารสูงขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จากการปรับโครงสร้างการดำเนินงานเพื่อย้ายโรงงานผลิตของแบรนด์ Ashley Manor มารวมกันเป็นแห่งเดียว โดยไม่ต่อสัญญาเช่าโรงงาน J28 ซึ่งคิดเป็นค่าใช้จ่ายครั้งเดียว  (One- time) จำนวน 20.6 ล้านบาท (0.49 ล้านปอนด์) แต่ในระยะยาวจะทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง เป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตด้านผลกำไรของทั้งปี 2566 นี้

ในส่วนของกลุ่มธุรกิจพรมและผ้าหุ้มเบาะรถยนต์ (TCM Automotive) ค่อยๆ ฟื้นตัว ตามสถานการณ์ตลาด รายได้ใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปีก่อน เติบโตขึ้นร้อยละ 0.99 เนื่องจากอุตสาหกรรมรถยนต์อยู่ในช่วงกำลังฟื้นตัว แต่ยังคงได้รับผลกระทบจากวัตถุดิบมีราคาสูงขึ้น ส่งผลกระทบมาที่อัตราส่วนต้นทุนสูงกว่างวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 3.67 ประกอบกับผลจากส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ที่มีต้นทุนสูงขายได้ในปริมาณมากกว่า และจากเครื่องจักรมีปัญหาเรื่อง Spare Part ซึ่งได้รับการแก้ปัญหาเรียบร้อยแล้ว

“จากตัวเลขงบการเงินรวม บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 11.32 ล้านบาท ซึ่งหากตัดค่าใช้จ่าย One-time ในปีนี้ และรายได้พิเศษที่เกิดในปีที่แล้ว จะแสดงให้เห็นกำไรจากผลการดำเนินงานสูงขึ้นกว่างวดเดียวกันของปีก่อน ถึงร้อยละ 40.00 นับว่าบริษัทฯ มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด โดยใน Q1 มีสินทรัพย์รวม ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566 สูงขึ้นจากวันสิ้นปี 2565 จำนวน 104.68 ล้านบาท ทั้งนี้ กลุ่มบริษัท TCM เร่งเดินหน้ากลยุทธ์เติบโตสู่ความยั่งยืน เพื่อทำกำไรให้แก่ผู้ถือหุ้น โดยเรายังคงยืนหยัดเดินหน้าในแผนการดำเนินงานที่กำหนดไว้และยังคงมุ่งสู่เป้าหมายในการปรับแผนการบริหารให้มีความคล่องตัว เสาะแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ ทางธุรกิจ เข้าร่วมงานจัดแสดงสินค้าเพื่อขยายกลุ่มลูกค้า ออกสินค้าใหม่ ๆ ที่ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี โดยเฉพาะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยคาดการณ์ว่าในปี 2566 นี้ผลการดำเนินงานจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยเน้นที่ประสิทธิภาพในการผลิต”  ปิยพร กล่าว

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงต้องจับตามองปัจจัยท้าทายต่าง ๆ ทั้งในประเทศ จากการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลหลังการเลือกตั้งและปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ในหลายประเทศที่จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อเงินเฟ้อ ดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยนและการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ซึ่งมีผลต่อการเติบโตของธุรกิจในภาพรวมได้