เอสซีจี โซลาร์รูฟ โซลูชัน ผนึก 3 กลุ่มพาร์ทเนอร์ เปิดตัว SCG Solar Roof ระบบ Hybrid ครั้งแรกในไทย ตั้งเป้ายอดขายรวมโต 300%
กรุงเทพฯ – 7 เมษายน 2565 : “เอสซีจี โซลาร์รูฟ โซลูชัน” สร้างฐานตลาดด้วยกลยุทธ์ Partnership Integration ผสานความแข็งแกร่งด้านนวัตกรรมของบริษัทกับจุดแข็งของ 3 กลุ่มพาร์ทเนอร์ศักยภาพ ทั้ง Huawei และ Enphase ซึ่งจะช่วยยกระดับนวัตกรรมหลังคาโซลาร์ และด้านไฟแนนซ์ โดยร่วมกับสถาบันการเงินชั้นนำของไทย อาทิ K Bank นำเสนอโซลูชันใหม่ SCG Solar Roof ระบบ Hybrid ครั้งแรกในไทย ตอบสนองเทรนด์ความต้องการลดค่าไฟของคนยุคปัจจุบัน ทำให้ผู้บริโภคสามารถใช้ไฟฟ้าจากระบบโซลาร์ได้ทั้งวันทั้งคืน พร้อมจัดทำข้อเสนอพิเศษเพื่อการเป็นเจ้าของที่ง่ายขึ้น และจับมือหน่วยงานภาครัฐทั้งการไฟฟ้านครหลวง (MEA) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการขออนุญาตให้รวดเร็วยิ่งขึ้น เดินหน้ารุกขยายตลาดเจาะกลุ่ม Residential Solar Market เพิ่มขึ้น 300%
นิธิ ภัทรโชค กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี เปิดเผยว่าเอสซีจีมุ่งมั่นในการใช้เทคโนโลยี เพื่อพัฒนานวัตกรรมสินค้า บริการ และโซลูชัน ตอบสนองความต้องการที่หลากหลายและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของลูกค้า ควบคู่กับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เราได้นำแนวทางเรื่องมาตรฐานการดำเนินธุรกิจระดับโลก อย่าง ESG (Environmental, Social and Governance) เป็นกรอบการพัฒนานวัตกรรมและโซลูชันใหม่ๆ สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน SDGs (Sustainable Development Goals) ของสหประชาชาติ เพื่่อสร้างสรรค์โซลูชันและคุณภาพชีวิตที่ดีในวันนี้ และส่งต่อโลกที่ดียิ่งขึ้นให้คนรุ่นต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัจจุบันมนุษย์มีความต้องการและความใกล้ชิดเทคโนโลยีและนวัตกรรมมากขึ้น ดังนั้น เรายิ่งต้องจำเป็นพัฒนานวัตกรรมสินค้า บริการ และโซลูชันเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่มากขึ้นได้อย่างรวดเร็วและครอบคลุม
ธงชัย โสภณ Head of Housing Products Business บริษัท เอสซีจี รูฟฟิ่ง จำกัด กล่าวว่า ภายใต้สถานการณ์ COVID-19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้หลายองค์กรต่างเลือกใช้การทำงานแบบไฮบริด หรือเน้นการทำงานแบบ Work from Home มากขึ้น ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการเพิ่มปริมาณการใช้ไฟฟ้าในช่วงเวลากลางวัน ที่เป็นปัจจัยหลัก ที่ทำให้ค่าใช้จ่ายด้านค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ทำให้หลายคนต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการทำงานและไลฟ์สไตล์ หรือหาโซลูชันเพื่อลดค่าใช้จ่ายและประหยัดการใช้พลังงาน “เอสซีจี โซลาร์รูฟ โซลูชัน” ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมระบบหลังคาโซลาร์ สำหรับกลุ่มงานบ้านและที่อยู่อาศัย มีความมุ่งมั่นในการนำเทคโนโลยีและผนึกความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน โดยดำเนินการภายใต้กลยุทธ์ “Partnership Integration” เพื่อสะท้อนภาพผู้นำผ่านการนำจุดแข็งด้านเทคโนโลยีมาผสานเข้ากับการสร้างสรรค์นวัตกรรมสู่การเป็นโซลูชันพลังงานสะอาดที่มีประสิทธิภาพสูง
ล่าสุดได้ร่วมมือกับ 3 กลุ่มพาร์ทเนอร์ เพื่อร่วมพัฒนาและยกระดับมาตรฐานของระบบหลังคาโซลาร์ในประเทศไทยขึ้นไปอีกระดับ ด้านเทคโนโลยี ได้ร่วมมือกับ หัวเว่ย (Huawei) เพื่อนำที่สุดของนวัตกรรมแบตเตอรี่มาเพิ่มความสามารถในการกักเก็บพลังงานไฟฟ้าเพื่อให้สามารถใช้พลังงานไฟฟ้าได้ในช่วงเวลากลางคืน และร่วมมือกับ เอนเฟส เอ็นเนอร์จี้ (Enphase Energy) ผู้นำด้านเทคโนโลยีไมโครอินเวอร์เตอร์ (Microinverter) สหรัฐอเมริกา นำเอาเทคโนโลยีไมโครอินเวอร์เตอร์ มาช่วยยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของระบบโซลาร์ให้ดียิ่งขึ้น ด้านไฟแนนซ์ ได้ร่วมมือกับ สถาบันการเงินชั้นนำของประเทศไทย อาทิ ธนาคารกสิกรไทย มอบโปรโมชันแพกเกจพิเศษสำหรับโซลูชันใหม่ SCG Solar Roof ระบบ Hybrid ตอบสนองเทรนด์ความต้องการลดค่าไฟของคนยุคปัจจุบัน ทำให้ผู้บริโภคสามารถใช้ไฟฟ้าจากระบบโซลาร์ได้ทั้งวันทั้งคืน ได้แก่ ดอกเบี้ยอัตราพิเศษ และดอกเบี้ย 0% 3 เดือนแรก รวมถึงส่วนลดพิเศษสูงสุด 70,000 บาท และ Tops E-voucher 2,000 บาท รวมทั้ง ยังมีหลากหลายแพกเกจให้เลือกจากสถาบันการเงินอื่นๆ อาทิ UOB, TISCO เป็นต้น นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงการติดตั้ง SCG Solar Roof ในพื้นที่ต่างๆ ผ่านความร่วมมือกับการไฟฟ้านครหลวง (MEA) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ในพื้นที่ต่างๆ
ธงชัย กล่าวว่า บริษัทฯ ยังมีการให้บริการการติดตั้ง ดูแลครบวงจร ตั้งแต่ให้คำปรึกษา การออกแบบโดยวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ และติดตั้งอย่างมืออาชีพ พร้อมบริการหลังการขาย “ไร้กังวล” ทั้งนี้สิ่งที่สำคัญในการติดตั้งหลังค่าโซลาร์เซลล์ คือ 1.การตรวจสอบสภาพความพร้อมของหลังคาก่อนการติดตั้ง (Roof Health Check) เพื่อให้มั่นใจว่าหลังคาพร้อมติดตั้งโซลาร์รูฟ 2. การติดตั้งโซลาร์รูฟ บริษัทฯ มีนวัตกรรม Solar FIX ที่ไม่ต้องเจาะหลังคา และไม่เสี่ยงต่อการรั่ว โดยสายไฟจะอยู่ใต้หลังคา ปลอดภัยจากหลังคารั่ว ซึ่งเป็นสิทธิบัตรเฉพาะเอสซีจีเท่านั้น สินค้าคุณภาพ” แผงโซลาร์ Tier 1 รับประกันตัวแผงโซลาร์ และประสิทธิภาพการผลิตไฟนาน 25 ปี ในส่วนของอินเวอร์เตอร์ (ระบบแปลงไฟ) รับประกัน 10 ปี และ 3 .การบริการแบบ One Stop Service ดำเนินการขออนุญาตติดตั้งโซลาร์ให้ทั้งกระบวนการ และสามารถติดตามการผลิตไฟและค่าไฟที่ประหยัดได้แบบ Real Time ผ่านทางแอปฯ “บริการหลังการขาย” ให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่า เอสซีจี โซลาร์รูฟ โซลูชัน พร้อมอยู่ดูแลตลอดระยะเวลารับประกัน 25 ปี
“เอสซีจี โซลาร์รูฟ โซลูชัน”ตั้งเป้าหมายเป็นผู้นำด้าน Residential Solar Market อย่างเต็มรูปแบบ โดยนำเสนอโซลูชันใหม่ “SCG Solar Roof ระบบ Hybrid”ทางเลือกใหม่ที่มาตอบโจทย์เจ้าของบ้านและไลฟ์สไตล์ของผู้คนในยุคปัจจุบัน ที่มองหาวิธีการใช้พลังงานไฟฟ้าให้คุ้มค่าทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน รวมถึงให้ความสนใจในเรื่องของพลังงานสะอาดมากขึ้น โดยเริ่มต้นราคา 99,000 บาท ที่ขนาด 1.3 กิโลวัตต์ ไปจนถึง 4 แสนบาท ไฟ 3 เฟส ขนาด 6 กิโลวัตต์ พร้อมตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่ม B2B ประเภท Commercial และ SME 70% และ B2C ประเภทที่อยู่อาศัย (Residential) 30%
“ด้วยความมุ่งมั่นในการนำเสนอโซลูชันให้กับกลุ่มลูกค้า จะสามารถผลักดันให้ ‘เอสซีจี โซลาร์รูฟ โซลูชัน’ เติบโตด้วยยอดขายมากขึ้น 300% โดยเราเชื่อมั่นว่า SCG Solar Roof ระบบ Hybrid จะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น และจะเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ช่วยและสามารถเพิ่มยอดขายในกลุ่มหลังคาโซลาร์ หรือคิดสัดส่วนที่ 20% ของกลุ่มบ้านพักอาศัย ได้อย่างแน่นอน” ธงชัย กล่าวสรุป