Friday, November 22, 2024
Latest:
News

“วงษ์สยามก่อสร้าง” เดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งเงินทุนเปิดจองซื้อหุ้นกู้ 4 ชุด ชูเรตติ้งสูงสุด AAA(tha) ค้ำประกันโดย CGIF เสนอขาย 5-7 ส.ค.นี้

บจก.วงษ์สยามก่อสร้าง หรือ VSK ผู้นำธุรกิจบริหารจัดการระบบน้ำแบบครบวงจร พร้อมเสนอขายหุ้นกู้ จำนวน 4 ชุด อายุ 3 ปี 5 ปี 7 ปี และ 10 ปี รวมมูลค่าที่เสนอขายไม่เกิน 2,200 ล้านบาท ชูอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.25% – 4.15% ต่อปี จุดเด่นมี CGIF ค้ำประกัน ชูเรตติ้งระดับท็อป “AAA(tha)” เปิดจองซื้อ 5-7 ส.ค. 67 ให้กับนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ เสนอขายผ่าน 11 สถาบันการเงินชั้นนำ เดินหน้าระดมทุนต่อยอดธุรกิจ เพื่อคงความเป็นผู้นำธุรกิจการให้บริการด้านน้ำแบบครบวงจรในประเทศไทย

อนุฤทธิ์ เกิดสินธ์ชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด หรือ VSK ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการระบบโครงข่ายท่อส่งน้ำและธุรกิจก่อสร้างสาธารณูปโภคด้านน้ำแบบครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมเปิดจองซื้อหุ้นกู้ ครั้งที่ 1/2567 รวม 4 ชุด โดยเป็นหุ้นกู้ชนิดหุ้นกู้ระยะยาว ระบุชื่อผู้ถือ ไม่ด้อยสิทธิ มีประกัน และผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ มูลค่ารวมไม่เกิน 2,200 ล้านบาท เสนอขายไม่เกิน 2.2 ล้านหน่วย แบ่งเป็น หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุหุ้นกู้ 3 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2570 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.25% หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุหุ้นกู้ 5 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2572 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.65% หุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุหุ้นกู้ 7 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2574 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.90% และหุ้นกู้ชุดที่ 4 อายุหุ้นกู้ 10 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2577 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.15% กำหนดชำระดอกเบี้ยทุก 6 เดือน ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ และ 8 สิงหาคม ตลอดอายุหุ้นกู้

หุ้นกู้ VSK จะเปิดจองซื้อในวันที่ 5-7 สิงหาคม 2567 แก่นักลงทุนสถาบัน (Institutional Investor) และนักลงทุนรายใหญ่ (High Net Worth Investor) กำหนดจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท โดยผู้ออกหุ้นกู้ได้รับการจัดอันดับเครดิตเรตติ้งที่ “AAA(tha)” จากบริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2567 ซึ่งเป็นอันดับเครดิตสูงสุดสำหรับตราสารหนี้ที่ออกในประเทศไทย สะท้อนถึงศักยภาพของผู้ค้ำประกันซึ่งก็คือ Credit Guarantee and Investment Facility (CGIF) ซึ่งเป็นกองทุน (Trust Fund) ของธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (Asian Development Bank หรือ ADB) ที่มีสถานะทางการเงินและผู้ร่วมทุนที่แข็งแกร่งมาก รวมถึงสะท้อนถึงศักยภาพของ VSK ในการเป็นผู้ดำเนินธุรกิจด้านการบริหารจัดการระบบโครงข่ายท่อส่งน้ำ และธุรกิจก่อสร้างสาธารณูปโภคด้านน้ำแบบครบวงจรรายเดียวในประเทศไทย ซึ่งนับเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ และให้ผลตอบแทนมั่นคง โดยจะเสนอขายหุ้นกู้ผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ทั้ง 11 สถาบันการเงินชั้นนำ ได้แก่

  • บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด โทร. 02-680-4004
  • บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) โทร. 02-820-0100
  • บริษัทหลักทรัพย์ บลูเบลล์ จำกัด โทร. 02-249-2999
  • บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร. 02-351-1801
  • บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) โทร. 02-625-2422
  • บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด โทร. 02-687-7543
  • บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด โทร. 02-695-5000
  • บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร. 02-658-5050
  • บริษัทหลักทรัพย์ เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด (มหาชน) โทร. 02-660-6624
  • บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร. 02-153-9290 ต่อ 8163, 8164
  • บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) โทร. 02-659-5272, 5273

สำหรับวัตถุประสงค์การเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้ VSK เพื่อนำไปใช้เป็นเงินทุนในการลงทุนและก่อสร้างระบบท่อน้ำดิบในภาคตะวันออก โดยโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ถือเป็นศูนย์กลางของการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ ด้วยการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านเทคโนโลยี และการยกระดับธุรกิจเพื่อสร้างแรงจูงใจให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุน ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยในระยะยาว ขณะเดียวกันการพัฒนา EEC ส่งผลให้ในบริเวณดังกล่าว มีความต้องการใช้น้ำเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งจะส่งผลบวกต่อธุรกิจ VSK เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้รับสัมปทานโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออกระยะเวลา 30 ปี แต่เพียงผู้เดียว ซึ่งคาดว่าจะช่วยหนุนผลการดำเนินงานให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต

“เราเชื่อมั่นว่าการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ ได้รับการตอบรับที่ดี เพราะนอกจากจะได้รับผลตอบแทนคงที่ตลอดระยะเวลาการลงทุนแล้ว การที่มี CGIF เข้ามาค้ำประกันหุ้นกู้ของ VSK สามารถการันตีว่าบริษัทฯ ประกอบธุรกิจที่ได้มาตรฐานการปกป้องสิ่งแวดล้อมและสังคมตามที่ CGIF กำหนด นอกจากนี้ เกณฑ์ที่ CGIF ใช้ในการประเมินจะรวมไปถึงสถานะทางการเงิน ผลการดำเนินงานย้อนหลัง คุณภาพในการบริหารจัดการ ความได้เปรียบทางการแข่งขัน เพื่อให้มั่นใจว่าเครดิตของบริษัทฯ นั้นอยู่ในเกณฑ์ที่ดี” อนุฤทธิ์ กล่าวทิ้งท้าย