“บริษัทธรรมชาติทรายแก้ว” มองธุรกิจอย่างเข้าใจใส่ใจคุณภาพและสิ่งแวดล้อม ก้าวสู่ธรรมาภิบาลอย่างยั่งยืน
หากจะพูดถึง “แร่ทรายแก้ว” ทุกคนอาจมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่ความจริงแล้วแร่ทรายแก้วนั้นอยู่ใกล้ตัวมาก เนื่องจากเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตอุปกรณ์ที่ใช้อำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันของเราตั้งแต่เช้าจรดคำ่อันได้แก่อ่างล้างหน้า โถชักโครก ส่วนผสมในยาสีฟัน หลอดไฟ ประตูหน้าต่าง แก้วน้ำ จานชาม ขวด กระเบื้องปูพื้น กระจกรถยนต์และกระจกอาคารซึ่งล้วนแต่มีส่วนผสมของแร่ทรายแก้วทั้งสิ้น อีกทั้งยังเป็นวัตถุดิบหลักที่สำคัญในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ต้นน้ำ ซึ่งถือว่าเป็น 1 ใน 3 อุตสาหกรรมเป้าหมายเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีในประเทศ
“การทำเหมืองแร่” หากใครได้ยิน สิ่งแรกที่จะนึกถึงคือการสร้างมลพิษและการทำลายสิ่งแวดล้อม จึงเป็นโจทย์ที่ท้าทายสำหรับเจ้าของเหมืองทุกคน ที่จะต้องวางโครงสร้างทางวิศวกรรมและมีทิศทางในการขับเคลื่อนธุรกิจที่ชัดเจน อีกทั้งยังต้องคำนึงถึงคุณภาพภายใต้มาตรฐานของการทำเหมืองแร่ที่ถูกต้องตามพระราชบัญญัติแร่ด้วย
การขับเคลื่อนที่สำคัญสำหรับการผลิตแร่ทรายแก้ว นอกจากจะต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและคุณภาพเป็นสำคัญแล้ว ยังต้องยึดหลักธรรมาภิบาลคือการบริหารจัดการที่ดี มีความเป็นธรรม ความสุจริต ความมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล มีความโปร่งใส มีความรับผิดชอบในภาพรวมทั้งต่อตนเองและลูกค้าสามารถตรวจสอบได้ ในส่วนของการทำเหมืองแร่นี้จำต้องให้ความสำคัญรวมถึงการดูแลคุณภาพชีวิตของพนักงาน ชุมชนในพื้นที่และสิ่งแวดล้อมที่จะส่งผลให้เกิดการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรแร่อย่างคุ้มค่าและเกิดอรรถประโยชน์สูงสุด
วัลลภ การวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธรรมชาติทรายแก้ว จำกัด ในฐานะที่เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายทรายแก้วคุณภาพดีให้กับลูกค้า กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เคยดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการรับซื้อพืชผลการเกษตรมาก่อน ในปี 2528 เมื่ิอรัฐบาลมีโครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออก หรือ Eastern Seaboard Development Program (ESB) ส่งผลให้ที่ดินในจังหวัดระยองมีราคาสูงขึ้น ชาวบ้านบางส่วนขายที่ดินทำการเกษตรในราคาสูงให้กับกลุ่มนายทุน เกิดโรงงานอุตสาหกรรมใหม่ๆ ทำให้แรงงานหลั่งไหลเข้ามาในพื้นที่ พื้นที่ที่เคยทำการเกษตรจึงลดน้อยลง จึงมองหาโอกาสใหม่ๆ ในการทำธุรกิจ
“ปี 2520 พื้นที่ที่มีแร่ทรายแก้วไม่มีราคา เพราะเป็นพื้นที่ที่ไม่สามารถทำการเกษตรได้เลย เนื่องจากดินไม่มีสารอาหารที่จะเอื้อต่อการเจริญเติบโตของพืช จึงมองหาโอกาสที่จะทำธุรกิจเหมืองแร่ทรายแก้วที่มีคุณภาพดีและรองรับการทำแก้วใสเพื่อคุณภาพชีวิตของผู้บริโภค ทำการศึกษาค้นคว้าและวิจัยว่าหากจะผลิตแร่ทรายแก้วคุณภาพดีที่ยังไม่มีใครผลิตซึ่งเป็นช่องว่างทางการตลาดที่สามารถเจริญเติบโตทางธุรกิจได้ในอนาคตจะต้องวางแผนดำเนินการอย่างไรตั้งแต่แหล่งวัตถุดิบ กระบวนการผลิต การควบคุมคุณภาพให้คงที่จวบจนการขนส่งแร่ทรายแก้วถึงมือผู้ใช้ที่จะต้องดำเนินการภายใต้พระราชบัญญัติแร่ สิ่งแวดล้อมและชุมชนให้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขนั้นมีความจำเป็นต้องวางแผนตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง (Conceptual Skill) เพื่อมิให้เกิดรอยต่อสะดุดระหว่างทาง” วัลลภ กล่าว
เมื่อเรียนรู้ข้อจำกัดต่างๆ จึงเริ่มวางภูมิทัศน์ และเทคโนโลยีทางวิศวกรรมที่ปลอดภัยสำหรับโรงแต่งแร่ การทำเหมืองแร่ทรายแก้วที่ไม่ให้เกิดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและชุมชนโดยรอบ แล้วจึงดำเนินการการก่อสร้างตามลำดับขั้นตอน พร้อมศึกษาผลกระทบอย่างครบถ้วนมีความรัดกุมเพื่อให้สามารถผลิตแร่คุณภาพควบคู่ไปกับการอยู่ร่วมกับชุมชนได้อย่างยั่งยืน
การทำธุรกิจแรกเริ่มนั้น บริษัทฯ เริ่มส่งแร่ทรายแก้วให้กับอุตสาหกรรมผลิตหลอดไฟ และเริ่มขยายตลาดด้วยการควบคุมการผลิตแร่ทรายแก้วคุณภาพคงที่อย่างสม่ำเสมอ ทำให้ภายในระยะเวลาเพียง 2 ปี บริษัทฯ สามารถส่งสินค้าเข้าสู่อุตสาหกรรมแก้วใส อุตสาหกรรมกระจกรถยนต์และกระจกอาคาร อุตสาหกรรมเซรามิก อุตสาหกรรมหล่อโลหะ และอุตสาหกรรมเคมี
สำหรับองค์ประกอบของความสำเร็จในการประกอบธุรกิจนั้น วัลลภ ได้ยึดหลัก 5 ด้าน ประกอบด้วย 1.ต้องมีใจรักในงานที่ทำ เพราะหากเริ่มต้นไม่มีใจรักแล้วเมื่อประสบปัญหาและอุปสรรคจะท้อถอย 2.ต้องดูตลาดออกแล้วปรับปรุงเทคโนโลยีตามการเปลี่ยนแปลงกระแสธุรกิจที่ไม่หยุดนิ่งเพื่อมิให้ตกเทรนด์ซึ่งเป็นการอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของคู่ค้ามิให้เสียส่วนแบ่งการตลาดเพื่อความเจริญเติบโตเคียงคู่กัน 3.ต้องมีใจเรียนรู้และศึกษาอยู่ตลอดเวลา 4.ต้องศึกษาสภาวะแวดล้อมทั้งภายนอกและสภาวะแวดล้อมภายใน จุดอ่อน จุดแข็ง โอกาส และอุปสรรค และ5.การรักษาบุคลากรให้อยู่นานที่สุด และมีสวัสดิการต่างๆ เมื่อบุคลากรมีความเชื่อมั่นจะตั้งใจทำงานให้บริษัทที่คิดว่ามั่นคงอย่างเต็มความสามารถ
เกือบ 30 ปีนับแต่บริษัทธรรมชาติทรายแก้วจำกัดดำเนินการมา บริษัทฯ มุ่งมั่นในการเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายทรายแก้วคุณภาพดีให้กับลูกค้าในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อชุมชน สังคม สิ่งแวดล้อม และการมีธรรมาภิบาลที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง สะท้อนผ่านรางวัลที่บริษัทฯ ที่ได้รับมากมาย อาทิ รางวัลเหมืองแร่สีเขียว (Green Mining Award) (ตั้งแต่ปี 2554 – ปี 2566) จากกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม รางวัล ElA Monitoring Awards ปี 2011 ที่จัดขึ้นโดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้การรับรองระบบบริหารคุณภาพมาตรฐานสากล ISO 9001 : 2015 ได้การรับรองระบบการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมมาตรฐานสากล ISO 14001 : 2015 Certified ISO 14001:2015 และยังคงมุ่งมั่นต่อไปภายใต้ปณิธาน“ผลิตด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ใส่ใจคุณภาพทรายทุกเม็ด” เพื่อความยั่งยืนของธุรกิจตลอดไป