“อัลไลแอนซ์ ลอนดรี้” มั่นใจธุรกิจร้านสะดวกซักปี’ 67 เติบโตชู 2 กลยุทธ์เดินหน้าดันไทยสู่ร้านต้นแบบระดับภูมิภาค
อัลไลแอนซ์ ลอนดรี้ ผู้นำด้านการผลิตและจำหน่ายเครื่องซักผ้าอบผ้าอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่สุด ในโลก มั่นใจปี 2567 ตลาดธุรกิจร้านสะดวกซักโต 10% โดยร้านเปิดใหม่จะมีขนาดใหญ่ขึ้นและ ใช้เครื่องซักและอบประมาณ 15-20 เครื่องต่อร้าน พร้อมกางแผนธุรกิจดันประเทศไทยเป็นต้นแบบ ร้านสะดวกซักในระดับภูมิภาคผ่าน 2 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ กลยุทธ์เปิดร้านระดับพรีเมียมและกลยุทธ์หนึ่งอำเภอหนึ่งร้านสะดวกซัก พร้อมเตรียมบุกตลาดอินโดนีเซีย และ CLMV หวังดันมาร์เก็ตแชร์เพิ่ม 20% ด้วยโมเดลความสำเร็จของร้านสะดวกซักในประเทศไทย
สุกรี กีไร ผู้อำนวยการฝ่ายขาย ประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท อัลไลแอนซ์ ลอนดรี้ ซิสเต็มส์ แอลแอลซี เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจร้านสะดวกซักของไทยในปี2566ว่า มีร้านเปิดใหม่มากถึง 1,300 ร้าน และยอดขายโดยรวมเติบโต 7% หรือประมาณ 3,900 ล้านบาท ซึ่ง ALS สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 62% ส่วนตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของกลุ่มประเทศ CLMV ในภาพรวมถือว่าตลาดเริ่มตอบรับและมีการเติบโตเป็นที่น่าพอใจซึ่งมียอดขายเติบโตถึง 4.5% หรือประมาณ 185 ล้านบาท
ภาพรวมธุรกิจร้านสะดวกซักของไทยในปี 2567 คาดว่าจะเติบโตประมาณ 10% และจะมีร้านสะดวกซักในไทยทั้งหมดประมาณ 5,500 ร้าน ซึ่งคาดว่าร้านที่เปิดใหม่จะเป็นร้านที่มีขนาดใหญ่มากขึ้น โดยเฉลี่ยจะใช้เครื่องซักและอบในร้านทั้งหมดประมาณ 15-20 เครื่องต่อร้าน และขนาดของร้านจะอยู่ที่ 80 ตารางเมตรขึ้นไป สำหรับประเทศมาเลเซียแม้ว่าจะมีร้านสะดวกซักมากกว่า 5,000 ร้านแล้ว แต่ก็ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของการอัพเกรดร้านให้มีความพรีเมียมขึ้น และการรีโนเวทร้านโดยมีการเพิ่มจำนวนเครื่องซักและอบ ในรุ่นใหม่ๆ มากขึ้น ส่วน อินโดนีเซีย, เวียดนาม และ CLMV ยังคงเป็นตลาดใหม่ที่คาดการณ์ว่าจะได้ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น 20% ของมูลค่ารวมตลาดทั้งหมด 2,395 ล้านบาท
“สำหรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในปีนี้ของไทยนั้น เราได้ตั้งเป้าหมายในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้เป็นต้นแบบของร้านสะดวกซักในระดับภูมิภาค เพื่อส่งเสริมให้มีภาพลักษณ์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ผ่าน 2 กลยุทธ์ ได้แก่ กลยุทธ์การส่งเสริมให้ลูกค้าเปิดร้านในระดับพรีเมียมมากขึ้น นอกจากร้านจะมีขนาดใหญ่แล้ว ต้องมีการดีไซน์ที่สวยงาม สะดุดตาด้วย ส่วนกลยุทธ์ที่สองเราสานต่อนโยบาย ‘หนึ่งอำเภอหนึ่งร้านสะดวกซัก’ เพื่อให้ลูกค้าได้เข้าถึงการใช้บริการร้านสะดวกซักมากขึ้น เนื่องจากตลาดในระดับอำเภอยังมีช่องว่างและมีศักยภาพการเติบโตสูงและเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการจะลงทุนหรือขยายสาขาเพิ่ม” สุกรี กล่าว
ปัจจุบัน อัลไลแอนซ์ ลอนดรี้ มีตัวแทนจำหน่ายเครื่อง Commercial สำหรับร้านสะดวกซักในประเทศไทย 9 ราย และตัวแทนจำหน่ายสำหรับเครื่อง OPL สำหรับกลุ่มโรงแรม โรงพยาบาล โรงซักผ้า และโรงงานอุตสาหกรรม 3 ราย ซึ่งแบ่งตามแบรนด์ได้ดังนี้ แบรนด์ Speed Queen มีตัวแทนจำหน่าย 4 ราย ประกอบด้วย VJ International Group, Laundry You, Poch Laundry Systems, Straits Laundry -TH, แบรนด์ Huebsch มีตัวแทนจำหน่าย 1 ราย ประกอบด้วย K-Nex Corporation, แบรนด์ IPSO มีตัวแทนจำหน่าย 3 ราย ประกอบด้วย LaundryBar-TH, Limaya (Thailand), Thai Inter Laundry, แบรนด์ Primus มีตัวแทนจำหน่าย 3 ราย ประกอบด้วย Ascend Wash System, Chada Laundry, Taling Thai Development และแบรนด์ UniMac มี PEO Group เป็นตัวแทนจำหน่าย นอกจากนี้ยังมีตัวแทนจำหน่ายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกกว่า 30 ราย ซึ่งประกอบด้วยประเทศมาเลเซีย, อินโดนีเซีย, เวียดนาม, สิงคโปร์ และกลุ่มประเทศ CLMV
สุกรี กล่าวเพิ่มเติมว่า จากความสำเร็จของร้านสะดวกซักในประไทยตลอด 7 ปีที่ผ่านมา ทำให้เราเล็งเห็นถึงประสิทธิภาพที่สามารถนำไปต่อยอดการเติบโตทางธุรกิจและเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดได้ ปีนี้เราจึงวางเป้าหมายโดยการนำโมเดลธุรกิจของไทยไปทำตลาดในประเทศอินโดนีเซีย, กัมพูชา, สปป.ลาว, เมียนมา และเวียดนามมากขึ้น โดยจะมีการสนับสนุนตัวแทนจำหน่ายปัจจุบัน และเปิดโอกาสให้นักลงทุนรายใหม่ที่สนใจจะร่วมงานกับเราสามารถติดต่อมาได้ เพื่อที่เราจะนำแบรนด์ร้านสะดวกซักของคนไทย หรือนักลงทุนชาวไทยไปลงทุนเพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจไปด้วยกัน
นอกจากนี้ในไตรมาส 2 อัลไลแอนซ์ ลอนดรี้ จะนำสินค้าใหม่อย่างเครื่อง Combo ที่สามารถซักอบใน เครื่องเดียว เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย ซึ่งจะสามารถตอบโจทย์ในเรื่องความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับลูกค้าที่ชอบการซักและอบต่อเนื่อง ที่จบในหนึ่งชั่วโมง พร้อมกันนี้ยังมีเครื่องอบผ้าขนาด 75 ปอนด์ หรือ34 กิโลกรัม ซึ่งเป็นเครื่องอบผ้าขนาดใหญ่สุดที่ผลิตออกมาสำหรับร้านสะดวกซัก ซึ่งเหมาะสำหรับร้านที่มีกลุ่มลูกค้าภาคธุรกิจเช่น โรงแรมขนาดเล็ก อพาร์ทเมนท์รายวัน ร้านสปา ร้านตัดผม ร้านอาหาร เป็นต้น