Monday, November 25, 2024
Latest:
Property

ซีคอนชูกลยุทธ์ SEACON FAST FORWARD เสริมแกร่งธุรกิจอย่างยั่งยืนเดินหน้าขยายโรงงานผลิตโครงสร้างแห่งที่ 2 มั่นใจปี’67 โต 10-15%

ซีคอนสานต่อความเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจรับสร้างบ้านที่มีประสบการณ์กว่า 63 ปี ดึงแนวคิด ESG เข้ามาสร้างสรรค์แผนธุรกิจในปี 2567 เพื่อปูทางสู่ความยั่งยืน  ประกาศพลิกโฉมธุรกิจด้วยกลยุทธ์ SEACON FAST FORWARD ให้เป็นยิ่งกว่าธุรกิจรับสร้างบ้านแบบ Beyond Thinking เพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจให้เติบโตด้วยการขยายโรงงานผลิตโครงสร้างชิ้นส่วนกึ่งสำเร็จรูปแห่งที่ 2 รองรับความต้องการของตลาด มั่นใจปี 2567 เติบโต 10-15%

มนู ตระกูลวัฒนะกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีคอน จำกัด กล่าวว่า กลยุทธ์ SEACON FAST FORWARD ที่ซีคอนจะให้เป็นแกนหลักในการดำเนินธุรกิจในปีนี้นั้น ผสานไปด้วยมิติต่างๆ ที่จะนำสู่ความสำเร็จ ได้แก่ มิติการขับเคลื่อยองค์กรสู่ความยั่งยืนด้วยแนวคิด E-S-G  มิติการนำความเชี่ยวชาญในฐานะผู้บุกเบิกธุรกิจรับสร้างบ้านของไทยมาต่อยอดสู่การพัฒนาธุรกิจใหม่เพื่อเติมเต็มความต้องการของตลาด และมิติในการพัฒนาศักยภาพทีมซีคอนให้พร้อมสู่การขับเคลื่อนองค์กรที่รวดเร็วยิ่งขึ้น พร้อมส่งมอบบริการอันเป็นเลิศแก่ลูกค้า ซึ่งในทุกมิติจะถูกดำเนินการไปพร้อมๆ กัน เพื่อสร้างให้ซีคอนเป็นได้มากกว่าบริษัทรับสร้างบ้าน สอดรับกับบริบทของสังคมและความต้องการของผู้บริโภคทั้งกลุ่ม B2C และ B2B ที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน

ซีคอนยังคงยึด 3 กลยุทธ์หลักเพื่อใช้ในการขับเคลื่อนธุรกิจในปี 2567 ประกอบด้วย กลยุทธ์ด้านความยั่งยืน (Sustainability) ภายใต้แนวคิด E-S-G, กลยุทธ์การแสวงหาฐานลูกค้ากลุ่มใหม่รวมทั้งพัฒนาโปรดักส์ใหม่เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และกลยุทธ์ด้านการตลาดยุคใหม่ที่ผสานความสมดุลระหว่างออนไลน์และออฟไลน์อย่างลงตัว เพื่อคงฐานลูกค้ากลุ่มเก่าไว้ในขณะเดียวกับก็สามารถเจาะเข้าถึงฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ได้ในเวลาเดียวกันโดยทั้ง 3 กลยุทธ์ดังกล่าวนี้ ซีคอนได้เริ่มใช้ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา และได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสามารถสร้างความแข็งแกร่งให้แก่องค์กรได้อย่างแท้จริง แม้ภาพรวมเศรษฐกิจที่หลายฝ่ายเชื่อว่าอยู่ในช่วงขาลง แต่ซีคอนก็ยังสามารถดำเนินธุรกิจได้ใกล้เคียงเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้อย่างดี โดยสร้างยอดขายประมาณ 2,000 ล้านบาทในปี 2566

มนู กล่าวต่อว่า ในปี 2567 ซีคอน ตั้งเป้าอัตราการเติบโตไว้ประมาณ 10-15%  จาก 3 ปัจจัยสำคัญ คือ ปัจจัยแรก การเพิ่มความเข้มข้นในเรื่องการพัฒนาเพื่อให้เกิดความยั่งยืนของธุรกิจ (Business Sustainability) ด้วยกลยุทธ์ ESG ที่องค์กรต้องคำนึงถึงการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม (E-Environment)  และสังคม (S-Social)     รวมถึงการวางระบบกำกับกิจการที่ดี (G-Governance)   ตลอดจนการนำเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)    โดยคำนึงถึงการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาล ผลกระทบทั้งเชิงบวกและเชิงลบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม พร้อมที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆ แบบองค์รวม ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ความไว้ใจ และความสามารถในการประกอบการกิจการในฐานะที่เป็นบริษัทผู้บุกเบิกธุรกิจรับสร้างบ้านรายแรกของประเทศไทย พร้อมกับประสบการณ์ที่มีมากกว่า 63 ปี สร้างบ้านมากกว่า 25,000 หลัง

ปัจจัยที่ 2 คือ การผสานการตลาดแบบออนไลน์และออฟไลน์ได้อย่างสมดุล ปัจจุบันฐานลูกค้าในออนไลน์ของ                 ซีคอนมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในทุกปี โดยในปี 2566 มีสัดส่วน 65 % จากการร่วมออกบูธในงานแสดงสินค้าทั้งหมด 6 งาน

เนื่องจากธุรกิจรับสร้างบ้าน ผู้บริโภคจะไปดูแบบบ้านจริงก่อนตัดสินใจ  สอดคล้องกับการเติบโตของยอดขายในกลุ่มตลาดออฟไลน์ ที่ซีคอนได้จัดกิจกรรมการตลาดและส่งเสริมการขายเพื่อเจาะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพโดยตรง ซึ่งในไตรมาสแรกของปี 2567 ซีคอนจะร่วมออกบูธใน 2 งานใหญ่ ประกอบด้วย  งานรับสร้างบ้าน และวัสดุ Focus 2024 จัดขึ้นในวันที่ 17 – 25 กุมภาพันธ์ 2567 ที่อิมแพ็ค ฮออล์ 8 เมืองทองธานี  และงานบ้านและสวน Select 2024 จัดขึ้นในวันที่ 23 – 31 มีนาคม 2567 ที่ไบเทค บางนา

ปัจจัยสุดท้าย คือการนำความเชี่ยวชาญในฐานะผู้บุกเบิกธุรกิจรับสร้างบ้านของไทยมาต่อยอดสู่การพัฒนาธุรกิจใหม่เพื่อเติมเต็มความต้องการของตลาด นำร่องในปี 2567 ด้วยการประกาศสร้างโรงงานผลิตโครงสร้างชิ้นส่วนกึ่งสำเร็จรูปแห่งที่ 2 ที่ลำลูกกา คลอง 12 บนเนื้อที่กว่า 26 ไร่ ยังเป็นเรือธงสำคัญในการขยายตัว และขับเคลื่อนธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว และก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องแบบ Fast Forward มีกำลังการผลิตได้สูงถึง 120,000 ชิ้นต่อปี  ขณะนี้โรงเหล็กและโรงหล่อก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในส่วนของโรงเหล็กมีเครื่องตัดเหล็กปลอก 500 ชิ้น/วัน   คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนเมษายน ศกนี้   เมื่อรวมกับโรงงานที่อ่อนนุช พื้นที่ 12ไร่  มีกำลังการผลิตได้สูงถึง  70,000 -80,000ชิ้นต่อปี  สามารถรองรับบ้านทั้งหมด 1,200 หลังต่อปี  สามารถรองรับลูกค้าที่จองสร้างบ้านกับซีคอน และซีคอน ไอดีแล้ว 700 หลังต่อปี และรองรับลูกค้าโครงการอสังหาริมทรัพย์ ลูกค้าบ้านเดี่ยว ลูกค้ากลุ่มธุรกิจรีสอร์ทหรืออพาร์ทเม้นท์ ฯลฯ 400-500 หลังต่อปี

“ข้อดีของระบบก่อผนังรับน้ำหนักที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ใช้ คือ ก่อสร้างเร็ว แต่ถ้าต้องการจะย้ายปลั๊กต้องสกัดผนัง  ขณะที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดเล็กผูกเหล็กหน้างาน  สำหรับซีคอนผลิตโครงสร้างชิ้นส่วนกึ่งสำเร็จ มีความยืดหยุ่นกว่าระบบเทหน้างาน มั่นใจได้ว่าผูกเหล็กเต็ม บ่มคอนกรีตครบถ้วนในเรื่อง Strength ทำให้งานก่อสร้างมีคุณภาพ 

ส่วนการตอกเสาเข็ม ขณะนี้มีเทคโนโลยีใหม่ คือ เข็มกด ที่ไม่สั่นสะเทือน ไม่มีฝุ่น จึงไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม แต่ราคาสูง  อย่างไรก็ตาม ซีคอนจะเลือกตอกเสาเข็มตามสภาพแวดล้อมของพื้นที่” มนู กล่าว

นอกจากการประกาศสร้างโรงงานผลิตโครงสร้างชิ้นส่วนกึ่งสำเร็จรูปแห่งที่ 2 ตามด้วยการประกาศร่วมทุน (Joint Venture) กับบริษัท นายณ์ เอสเตท จำกัด ด้วยการนำความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในธุรกิจรับสร้างบ้านมาสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้า

สุดท้ายกับการเปิดตัว 6 แบบบ้านใหม่ที่พัฒนาแบบภายใต้แนวคิด Greenery SEACON ด้วยหัวใจหลักของการพัฒนาที่เน้นการนำธรรมชาติมาเติมเต็มไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยที่ปัจจุบันมีพื้นที่จำกัดท่ามกลางมลภาวะรอบด้านของเมืองในปัจจุบัน  ประกอบด้วย 6 แบบบ้านด้วยกัน กล่าวคือ 1. แบบบ้าน GREENERY 255  มาพร้อม2 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ และที่จอดรถ 2 คันสไตล์ Modern มีกลิ่นอายความเป็น Tropical ออกแบบเพื่อรองรับบ้านที่มีข้อจำกัดที่ดินหน้าแคบ แต่จัดฟังก์ชันได้อย่างลงตัว แยกกันเป็นสัดส่วน มาพร้อมห้องนอนขนาดใหญ่ ห้องแต่งตัวและห้องน้ำในตัวทุกห้อง และในทุกฟังก์ชันของตัวบ้านสามารถเข้าถึงพื้นที่สีเขียวคอร์ทกลางบ้าน ทำให้ตัวบ้านรู้สึกโล่งและได้รับแสง ใกล้ชิดกับธรรมชาติได้อย่างเต็มที่   

แบบบ้าน GREENERY 255 สไตล์ Modern

2. แบบบ้าน GREENERY 255 สไตล์ Modern มีกลิ่นอายความเป็น Tropical ออกแบบเพื่อรองรับบ้านที่มีข้อจำกัดที่ดินหน้าแคบ แต่มีการจัดฟังก์ชันได้อย่าง  ลงตัว แยกกันเป็นสัดส่วนมาพร้อมห้องนอนขนาดใหญ่ ห้องแต่งตัวและห้องน้ำในตัวทุกห้อง และในทุกฟังก์ชันของตัวบ้าน สามารถเข้าถึงพื้นที่สีเขียวคอร์ทกลางบ้าน ทำให้ตัวบ้านรู้สึกโล่ง และได้รับแสงใกล้ชิดกับธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ มี 2 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ และที่จอดรถ 2 คัน 3. แบบบ้าน GREENERY 470 แบบบ้าน 3 ชั้นสไตล์ MODERN  มีลักษณะเป็นบ้านหน้าแคบแต่ฟังก์ชันภายในยังดูโปร่ง  โดดเด่นเรื่องการใช้คอร์ท กลางบ้าน ที่สามารถเข้าถึงธรรมชาติได้เกือบทุกฟังก์ชัน ในส่วนพื้นที่พักผ่อนและทานอาหารใช้ DOUBLE VOLUME ทำให้ดูโปร่ง อีกทั้งยังสามารถใช้คอร์ทเพื่อเข้าถึงธรรมชาติได้อย่างเต็มที่อีกด้วย มาพร้อม 4 ห้องนอน 5ห้องน้ำ และที่จอดรถ 2 คัน 4. แบบบ้าน GREENERY 486  บ้านสไตล์ Modern มีกลิ่นอายความเป็นยุโรป ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับบ้านที่มีข้อจำกัดที่ดินหน้าแคบ แต่ฟังก์ชันภายในยังรู้สึกโล่งด้วย DOUBLE VOLUME การออกแบบพื้นที่ห้องพักผ่อนและทานอาหารต่อเนื่องเป็นสัดส่วน พร้อมคอร์ทกลางบ้าน เพื่อให้ประโยชน์เรื่องแสง การระบายอากาศของตัวบ้าน ที่เป็นข้อจำกัดของที่ดิน ซึ่งทุกฟังชันหลักในบ้านสามารถสัมผัสกับคอร์ท ทำให้รู้สึกใกล้ชิดกับธรรมชาติ มี 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ และที่จอดรถ 3 คัน 5. แบบบ้าน GREENERY 638 แบบบ้านสไตล์ Modern ถูกออกแบบมาเพื่อให้บ้านได้รับแสงและพื้นที่สีเขียวเข้าสู่ตัวบ้านได้อย่างทั่วถึง คอร์ทกลางบ้านและหลังบ้านช่วยให้ภายในบ้านรู้สึกโปร่งและเข้าถึงธรรมชาติได้อย่างลงตัว ทำให้รู้สึกเหมือนถูกโอบล้อมด้วยธรรมชาติ ไม่รู้สึกอึดอัด และยังสามารถเข้าถึงได้ในเกือบทุกๆ ฟังก์ชันอีกด้วย มี 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ  และที่จอดรถ 3 คัน และ 6. แบบบ้าน GREENERY 970 แบบบ้าน 3 ชั้น สไตล์ Modern โดดเด่นด้วย กรอบ Façade ที่ทำให้บ้านมีเอกลักษณ์มากขึ้น มาพร้อมกับคอร์ทกลางที่เกือบทุกห้องสามารถมองเห็นพื้นที่สีเขียวที่ช่วยให้ผ่อนคลายและยังช่วยให้บ้านได้รับแสงธรรมชาติ  ทำให้บ้านไม่รู้สึกอึดอัด พร้อมกับ Double space ในส่วนของห้องนั่งเล่นและทานอาหาร ทำให้รู้สึกโล่งสบาย สามารถเข้าถึงสวนได้อย่างเต็มที่ เหมาะกับของครอบครัวขนาดใหญ่ มีขนาด  4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ และที่จอดรถ 4 คัน