นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างฯ วิเคราะห์ผลกระทบของแผ่นดินไหวเชียงรายต่อโครงสร้างอาคารในภาคเหนือ -กรุงเทพฯ
จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 6.4 เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2566 ที่ระดับความลึกประมาณ 9 กิโลเมตร ในประเทศเมียนมา ห่างจากอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงรายไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ประมาณ 100 กิโลเมตร ซึ่งจุดที่เกิดแผ่นดินไหว มีแนวรอยเลื่อนเชียงตุงพาดผ่าน
แผ่นดินไหวดังกล่าวจัดว่าเป็นแผ่นดินไหวขนาดปานกลาง และเป็นแผ่นดินไหวในระดับตื้น จึงส่งผลกระทบต่อพื้นที่จังหวัดภาคเหนือโดยตรงเนื่องจากอยู่ใกล้กับจุดที่เกิดแผ่นดินไหว โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่
ศ.ดร.อมร พิมานมาศ นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย อธิบายถึงผลกระทบต่อโครงสร้างอาคาร โดยแบ่งเป็น 1. พื้นที่ในภาคเหนือ และ 2. กรุงเทพมหานคร สำหรับจังหวัดในภาคเหนือ เนื่องจากระยะทางจากจุดที่เกิดแผ่นดินไหว ถึงจังหวัดเชียงราย ประมาณ 100 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าห่างกันพอสมควร แต่ก็ทำให้อาคารเกิดการสั่นไหว และเกิดการแตกร้าวหรือการหลุดร่อนของผนังปูนฉาบในอาคารบางหลังได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าแผ่นดินไหวดังกล่าวยังไม่รุนแรงพอที่จะทำให้อาคารถล่มลงมาทั้งหลังได้ ทั้งนี้อาคารในพื้นที่ภาคเหนือที่ได้รับผลกระทบ จะเป็นกลุ่มอาคารเตี้ยถึงสูงปานกลาง เนื่องจากเป็นอาคารที่มีความถี่สูง และจากสภาพพื้นที่เป็นชั้นดินทรายหรือดินแข็ง จึงกระตุ้นให้อาคารกลุ่มนี้สั่นไหวได้มากกว่าอาคารสูงในบริเวณเดียวกัน
ในส่วนของกรุงเทพฯ แม้ว่า กรุงเทพฯ จะอยู่ห่างไกลจากจุดเกิดเหตุถึง 900-1,000 กิโลเมตร แต่อาคารหลายแห่งก็สั่นสะเทือนได้เช่นกัน เนื่องจากสภาพชั้นดินของกรุงเทพฯ ที่เป็นดินอ่อน จึงสามารถขยายความรุนแรงของคลื่นแผ่นดินไหวที่มาจากระยะไกลได้ และส่งผลกระทบต่ออาคารสูง ตั้งแต่ 5-6 ชั้นเรื่อยไปจนถึงอาคารสูงหลายสิบชั้น
“อย่างไรก็ตาม ด้วยระยะทางที่ห่างไกลหลายร้อยกิโลเมตรจะไม่ส่งผลกระทบให้โครงสร้างหลักของอาคารในกรุงเทพฯ ได้รับความเสียหาย จึงขอให้ประชาชนสบายใจ” ศ.ดร.อมร กล่าว
ปัจจุบัน ประเทศไทยมีกฎกระทรวงกำหนดการรับน้ำหนัก ความต้านทาน ความคงทนของอาคารและพื้นดินที่รองรับอาคารต้านแผ่นดินไหว ปี 2564 ซึ่งกำหนดให้อาคารต้องออกแบบต้านแรงแผ่นดินไหวได้ โดยครอบคลุมจังหวัดในภาคเหนือ และ พื้นที่กรุงเทพมหานคร รวมทั้งสิ้น 43 จังหวัดทั่วประเทศ
สำหรับเหตุการณ์แผ่นดินไหวในครั้งนี้ ประชาชนยังไม่ต้องตื่นตระหนก แต่ก็ควรเตรียมความพร้อมรับมือสำหรับแผ่นดินไหวในอนาคตที่อาจจะมีขนาดใหญ่กว่านี้ หรือเกิดขึ้นใกล้กว่านี้ได้ และไม่ว่าจะเกิดจากรอยเลื่อนในประเทศหรือนอกประเทศก็ตาม
“โดยมาตรการในการรับมือแผ่นดินไหวที่ดีที่สุดคือ การทำให้โครงสร้างอาคารแข็งแรง เนื่องจากแผ่นดินไหวยังไม่สามารถแจ้งเตือนล่วงหน้าได้ โดยการออกแบบและก่อสร้างอาคารใหม่ให้ต้านแผ่นดินไหว และเสริมกำลังอาคารเก่าให้รองรับแผ่นดินไหวในอนาคตได้” ศ.ดร.อมร กล่าวสรุปทิ้งท้าย