Sunday, November 24, 2024
Latest:
News

‘ซีวิลเอนจีเนียริง’ คว้างานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐ อีก 3 โครงการ ประเดิมบิ๊กโปรเจกต์ ‘ทางหลวงบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว ตอน 8’

บมจ. ซีวิลเอนจีเนียริง’ ผู้นำด้านงานก่อสร้างและวิศวกรรมโยธาแบบครบวงจรของไทย โชว์ศักยภาพการดำเนินธุรกิจ คว้างานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมภาครัฐอีก 3 โปรเจค รวมมูลค่างานกว่า 2,000 ล้านบาท ได้แก่ โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 82 บางขุนเทียน-บ้านแพ้ว ตอน8, งานก่อสร้างทางหลวงชนบท เพื่อสนับสนุนยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยว จังหวัดตรัง และโครงการก่อสร้างถนน สาย อย4055 แยกทล.3267 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมเพิ่มขีดความสามารถแข่งขันของประเทศ พัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนที่ดีขึ้น เพิ่ม Backlog สนับสนุนผลการดำเนินงานปี ’65 เติบโตต่อเนื่อง

ปิยะดิษฐ์ อัศวศิริสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ CIVIL กล่าวว่า บริษัทฯ มุ่งนำข้อได้เปรียบเชิงการแข่งขันในฐานะผู้นำด้านงานก่อสร้างและวิศว

กรรมโยธาที่ครบวงจร โดยใช้เทคโนโลยีช่วยเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจ เพิ่มโอกาสเข้ารับงานบริหารโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมภาครัฐ เชื่อมโยงโครงข่ายด้านคมนาคมและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตยั่งยืน โดยล่าสุด บริษัทฯ เซ็นสัญญาเข้ารับงานบริหารโครงการก่อสร้างกับหน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ กรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท รวมจำนวน 3 โครงการ มูลค่างานรวมกันกว่า 2,000 ล้านบาท

งานใหม่ดังกล่าว ประกอบด้วย โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 82 สายทางยกระดับบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว ช่วงเอกชัย-บางแพ้ว ตอน 8 ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการทางหลวงพิเศษ สายบางขุนเทียน-ปากท่อ ภายใต้แผนแม่บทการพัฒนาทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองระยะ 20 ปี พ.ศ.2560-2579 ของกรมทางหลวง มีแนวเชื่อมต่อกับโครงการทางพิเศษสายพระราม 3 – ดาวคะนอง – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก บริเวณด่านบางขุนเทียนของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) โดย CIVIL จะเข้าบริหารโครงการก่อสร้างสายทางยกระดับบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว ช่วงเอกชัย-บ้านแพ้ว ตอน 8 ช่วง กม.31+207-33 ระยะทาง 2.159 กิโลเมตร ระยะเวลาก่อสร้าง 1,080 วัน มูลค่าโครงการ 1,911 ล้านบาท เพื่อดำเนินการก่อสร้างทางยกระดับบนทางหลวงหมายเลข 35 ขนาด 6 ช่องจราจร และก่อสร้างปรับปรุง ขยายผิวจราจรเดิมรวมถึงงานระบบระบายน้ำและบ่อพัก งานไฟฟ้าแสงสว่าง งานป้ายจราจรและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกด้านความปลอดภัย เติมเต็มโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ระหว่างกรุงเทพฯและปริมณฑลเพิ่มศักยภาพด้านคมนาคมในการขนส่งทางถนนและการเดินทางเชื่อมต่อไปภาคใต้ รองรับการขยายตัวด้านเศรษฐกิจ สังคมและการท่องเที่ยว

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้เข้าบริหารโครงการก่อสร้างทางหลวงชนบทเพื่อสนับสนุนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยว ถนนสาย บ.หาดสำราญ-ตะเสะ (ตอนที่2) อ.หาดสำราญ จังหวัดตรัง ระยะทาง 5.92 กิโลเมตร ระยะเวลาก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 14 มกราคม – 21 สิงหาคม 2565 มูลค่างานก่อสร้าง 34.5 ล้านบาท เพื่อเป็นเส้นทางคมนาคมสายหลักที่สำคัญของจังหวัด เชื่อมโยงการเดินทางไปแหล่งท่องเที่ยวสำคัญและสนับสนุนการเติบโตอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดตรัง ที่มีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญหลายแห่งที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ปิยะดิษฐ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเข้าบริหารโครงการก่อสร้างถนนยางแอสฟัลติกคอนกรีต สาย อย.4055 แยกทางหลวงหมายเลข 3267-บ้านตาลเอน อ.มหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระยะทาง 4.075 กิโลเมตร ระยะเวลาก่อสร้าง 210 วัน มูลค่างาน 45 ล้านบาท เพื่อเป็นเส้นทางคมนาคมเดินทางของประชาชนในพื้นและจังหวัดใกล้เคียงให้ได้รับความสะดวกสบายจากการใช้เส้นทางดังกล่าว

“ความสำเร็จครั้งนี้สะท้อนศักยภาพดำเนินงานที่มีขีดความสามารถบริหารโครงการก่อสร้างของภาครัฐที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับความไว้วางใจจากหน่วยงานราชการทั้งกรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบท ให้ CIVIL เข้าไปบริหารโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานงานทางและทางยกระดับให้ประสบความสำเร็จ และส่งมอบผลงานก่อสร้างที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ภายใต้ระยะยเวลาที่กำหนด เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีและขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมให้เติบโตอย่างยืน โดย CIVIL ได้นำเทคโนโลยีก่อสร้าง ทีมบุคลากรที่มีความชำนาญในวิศวกรรมโยธา เครื่องจักรอุปกรณ์สมัยใหม่และโรงงานผลิตชิ้นส่วนวัสดุก่อสร้าง เพื่อสนับสนุนการดำเนินโครงการทั้ง 3 โครงการให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ช่วยให้ประชาชนสามารถใช้เป็นเส้นทางคมนาคมเชื่อมต่อการเดินทางและขนส่งสินค้าได้อย่างสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CIVIL กล่าว

การเข้ารับงานครั้งนี้ทำให้ CIVILมีมูลค่าสัญญางานก่อสร้างที่รอส่งมอบ (Backlog) เพิ่มขึ้น จาก ณ สิ้นปี 2564 ที่มีงานรอส่งมอบประมาณ 16,800 ล้านบาท และบางส่วนจะเริ่มทยอยส่งมอบงานโครงการก่อสร้างภายในปี 2565 ที่จะช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่อง