Friday, March 7, 2025
Latest:
Property

ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ แย้มผลประกอบการปี’67 มียอดรับรู้รายได้ทั้งปี 3,696.59 ล้านบาท กำไรสุทธิ 588.04 ล้านบาทพร้อมจ่ายปันผล 0.34 บาท/หุ้น

บริษัท  ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน)  ประกาศผลประกอบการปี 2567 มียอดรับรู้รายได้ที่ 3,696.59 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิที่ 588.04 ล้านบาท  โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น  พิจารณาจ่ายปันผลทั้งปีที่ 0.34 บาท/หุ้น ซึ่งหากคิดที่ราคาหุ้นปัจจุบัน คิดเป็น Dividend Yield อยู่ที่ระดับราว 6.4%

ชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ภายใต้แนวคิด “บ้านที่ปลูกบนความตั้งใจที่ดี” กล่าวถึงภาพรวมของเศรษฐกิจในปี 2567 ว่าขยายตัวได้ที่ 2.5% ซึ่งขยายตัวได้ต่ำกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์เมื่อช่วงต้นปี  ทั้งนี้นับว่าเป็นอัตราการขยายตัวได้ต่ำกว่าศักยภาพของประเทศ  โดยเครื่องยนต์หลักที่ยังขยายตัวได้ดีมาจากภาคการท่องเที่ยวเป็นสำคัญ ตลอดจนภาคการส่งออกที่ปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง  ในแง่ของตลาดอสังหาฯ ในปี 2567ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ยังคงมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ส่งผลให้เกิดสภาวะขายได้แต่โอนไม่ได้   ภาพรวมของตลาดมีการหดตัวลงในปี 2567  ทั้งตัวเลขจดทะเบียนที่อยู่อาศัย และตัวเลขหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ จากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์    สำหรับลลิลฯ มีการบริหารงานอย่างรัดกุม เน้นการทำตลาดในกลุ่มผู้ซื้อที่เป็น Real Demand  และพยายามพัฒนารูปแบบบ้านที่ตอบโจทย์กับความต้องการของลูกค้า จึงช่วยให้ภาพรวมผลประกอบการของบริษัท แม้มีการปรับลดลง แต่เป็นการปรับลดลงที่น้อยกว่าภาวะตลาดโดยรวม  

สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯ ในปี 2567  ท่ามกลางสภาพตลาดที่หดตัว บริษัทฯ สามารถทำยอดรับรู้รายได้ที่ 3,696.59 ล้านบาท  โดยยังคงสามารถบริหารจัดการต้นทุนต่างๆ ได้ดี  ยังคงรักษาอัตรากำไรขั้นต้นที่ราว 39%  และมีตัวเลขกำไรสุทธิที่ 588.04 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ที่ 16%  ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของสภาวะอุตสาหกรรมโดยรวม   โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ได้มีมติเห็นชอบนำเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในการจัดสรรกำไรสำหรับปี 2567 ให้กับผู้ถือหุ้น โดยจ่ายเงินปันผลรวมทั้งปีในอัตราหุ้นละ 0.34 บาท หรือราว 314.5 ล้านบาท ซึ่งหากคิดที่ราคาหุ้นปัจจุบัน คิดเป็น Dividend Yield อยู่ที่ระดับราว 6.4%   โดยบริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วที่ 0.165 บาท ดังนั้นจะเหลือจ่ายเพิ่มเติมอีก 0.175 บาทต่อหุ้น  โดยได้กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 14 มีนาคม 2568 (หรือขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 13 มีนาคม 2568) และกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 16 พฤษภาคม 2568 ในแง่ของงบดุล แสดงให้เห็นถึงสภาพคล่อง และสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง  โดยมีอัตราหนี้สินต่อทุนที่ปรับลดลงติดต่อกัน 2 ไตรมาส  และมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน (Net D/E ratio) อยู่ที่เพียง 0.63 เท่า ณ สิ้นปี 2567  ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม  นอกจากนี้บริษัทยังมีวงเงิน Committed Line คงเหลือเบิกจากธนาคารพาณิชย์พันธมิตรหลายแห่ง ที่สามารถเบิกใช้ได้อีกกว่า 3,000 ล้านบาท  จึงนับว่าบริษัทมีสภาพคล่องที่แข็งแกร่ง และแสดงถึงการบริหารความเสี่ยงทางการเงินอย่างรัดกุม

ชูรัชฏ์ กล่าวถึงแนวโน้มธุรกิจในปี 2568 ว่าเศรษฐกิจโดยรวมจะขยายตัวได้ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติคาดว่าจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 37-38 ล้านคน  เม็ดเงินการลงทุนภาคเอกชนคาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ (FDI)   อัตราดอกเบี้ยที่มีการปรับลดลง   ตลอดจนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่คาดว่าจะมีออกมาเพิ่มเติม  ทั้งหมดนี้จะเป็นปัจจัยบวกให้ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์น่าจะมีการฟื้นตัวได้ดีขึ้นกว่าในปี 2567  โดยบริษัทตั้งเป้าขยายตัวอย่างยั่งยืน โดยตั้งเป้ายอดขายสำหรับปี 2568 ที่ 5,000 ล้านบาท  และยอดรับรู้รายได้ที่ 4,050 ล้านบาท